รักษารากฟัน คืออะไร แบบไหนต้องรักษารากฟัน มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

รักษารากฟัน (Root Canal Treatment)

ปวดฟันจนทนไม่ไหว? เสียวฟันเมื่อกินของเย็น? สัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม!

คุณเคยประสบกับอาการปวดฟันที่รุนแรงจนแทบจะทนไม่ได้หรือไม่? หรือรู้สึกเสียวฟันทุกครั้งที่กินของเย็นหรือของหวาน? หากคุณมีอาการเหล่านี้ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฟันของคุณกำลังมีปัญหา และต้องการการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วน!

ทำไมคุณควรอ่านบทความนี้จนจบ?

เพราะเราจะเปิดเผยทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการรักษารากฟัน—ขั้นตอนที่แท้จริง ความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ ค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียม และวิธีป้องกันไม่ให้ต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้อีก อย่าปล่อยให้ความกลัวหรือการผัดวันประกันพรุ่งทำให้คุณต้องสูญเสียรอยยิ้มที่สวยงาม ฟันทุกซี่มีค่า และการรักษารากฟันอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยรักษาฟันแท้ของคุณไว้!

การรักษารากฟัน สารบัญความรู้ คลิกอ่านตามหัวข้อ


การรักษารากฟัน คืออะไร

การรักษารากฟัน หรือ Root Canal Treatment คือกระบวนการทางทันตกรรมเพื่อช่วยรักษาฟันที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบในโพรงประสาทฟัน โดยไม่จำเป็นต้องถอนฟันออก เป็นการรักษาเพื่อช่วยให้คุณยังคงใช้ฟันธรรมชาติของตัวเองได้ต่อไป โดยทั่วไปเมื่อฟันผุลุกลามจนถึงโพรงประสาทฟัน ทันตแพทย์จะกำจัดเชื้อจุลชีพและเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออกจากใจกลางฟัน ซึ่งเป็นที่อยู่ของเส้นประสาทและหลอดเลือดฝอย หากเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันถูกทำลาย ทันตแพทย์จะนำออกทั้งหมด ทำความสะอาดคลองรากฟันให้ปราศจากเชื้อโรค แล้วอุดด้วยวัสดุพิเศษ พร้อมบูรณะตัวฟันให้กลับมาแข็งแรงและสวยงามเหมือนเดิม ไม่ต้องถอนฟันให้เสียบุคลิก

ปัจจุบันการรักษารากฟันเป็นวิธีเดียวที่ช่วยให้คุณเก็บฟันธรรมชาติไว้ใช้งานได้ยาวนาน กลับมาเคี้ยวอาหารได้อย่างมั่นใจและรักษารอยยิ้มที่สวยงามของคุณไว้ได้อย่างสมบูรณ์ หากยิ่งได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โอกาสที่จะรักษาฟันธรรมชาติไว้ยิ่งสูง

ดังนั้น เมื่อมีอาการรู้สึกไม่ปกติ เสียวฟัน หรือเจ็บฟัน ควรรีบเข้าพบทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการทันที ที่คลินิกทันตกรรมเฮย์สไมล์ เรามีทีมทันตแพทย์พร้อมให้คำปรึกษาทุกวัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย คลิกแอดไลน์หรือโทรติดต่อเราได้เลย

คำถามสำคัญ: ทำไมไม่ถอนฟันเสียเลย? คำตอบคือ: ฟันธรรมชาติของคุณไม่มีอะไรทดแทนได้ดีเท่า โดยฟันที่รักษารากแล้วยังคงใช้งานได้เหมือนฟันปกติ มีความแข็งแรงและให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากกว่าฟันปลอมอย่างมาก

การรักษารากฟัน

โพรงประสาทฟัน คืออะไร ?

โพรงประสาทฟัน หรือ Dental Pulp คือหัวใจของฟัน เป็นเนื้อเยื่อมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในชั้นลึกที่สุดของฟัน ประกอบด้วยเส้นประสาทที่ไวต่อความรู้สึก เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงฟันให้แข็งแรง และท่อน้ำเหลืองสำคัญ เมื่อฟันผุลุกลามทะลุชั้นเคลือบฟันและเนื้อฟัน จนถึงโพรงประสาทฟัน คุณจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรงที่ยาแก้ปวดธรรมดาบรรเทาไม่ได้ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา เชื้อโรคจะรุกรานลงสู่ปลายรากฟัน ก่อให้เกิดการอักเสบรุนแรง นำไปสู่ฝีหนองรากฟันที่อันตรายอย่างมาก การป้องกันฟันผุและรักษาตั้งแต่เริ่มต้นคือวิธีเดียวที่จะปกป้องโพรงประสาทฟันอันมีค่าของคุณ

โพรงประสาทฟัน

รักษารากฟันหรือถอนฟันดี ?

เหตุผลที่การรักษารากฟันดีกว่าการถอนฟัน

  1. รักษาฟันธรรมชาติของคุณไว้ได้ 100% – การรักษารากฟันช่วยให้คุณเก็บฟันแท้ไว้ได้ ไม่ต้องสูญเสียฟันไปอย่างถาวรเหมือนการถอนฟัน ฟันธรรมชาติไม่มีอะไรทดแทนได้ดีเท่า
  2. โครงสร้างกระดูกขากรรไกรคงอยู่สมบูรณ์ – ฟันที่รักษารากแล้วยังคงมีรากฟันอยู่ในเบ้ากระดูก ช่วยรักษาความหนาและความสูงของกระดูกขากรรไกร ป้องกันการยุบตัวของกระดูกที่มักเกิดหลังการถอนฟัน
  3. ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ 100% – แม้จะผ่านการรักษารากฟัน ฟันของคุณยังให้ความรู้สึกเหมือนฟันจริง ไม่มีความรู้สึกแปลกปลอมเหมือนใส่ฟันปลอม ซึ่งมักทำให้รู้สึกไม่สบายปาก
  4. ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวเหมือนฟันปกติ – ฟันที่รักษารากแล้วมีความแข็งแรงเกือบเท่าฟันธรรมชาติ สามารถเคี้ยวอาหารได้ทุกประเภท ไม่มีข้อจำกัดเหมือนฟันปลอมที่อาจหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด
  5. ไม่ต้องดูแลพิเศษเหมือนฟันปลอม – เพียงแค่แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์ตามปกติ ไม่ต้องถอดมาทำความสะอาดหรือใช้กาวยึดฟันปลอมให้ยุ่งยาก

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ: การศึกษาทางทันตกรรมพบว่า ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันและบูรณะอย่างเหมาะสม มีโอกาสอยู่ได้ยาวนานเทียบเท่ากับฟันธรรมชาติที่สมบูรณ์ ที่คลินิกทันตกรรมเฮย์สไมล์ ทีมทันตแพทย์ของเราให้ความสำคัญกับสุขภาพช่องปากที่ดีของคุณในระยะยาวเป็นอันดับแรก ติดต่อเราเพื่อนัดหมายปรึกษาและวางแผนฟรีกับทันตแพทย์เฉพาะทาง  

ข้อเปรียบเทียบ: รักษารากฟัน VS ถอนฟัน

หัวข้อรักษารากฟันถอนฟันและใส่ฟันปลอม
ความรู้สึก✅ เหมือนฟันธรรมชาติ❌ รู้สึกแปลกปลอม
การบดเคี้ยว✅ แรงบดเคี้ยว 90% ของฟันปกติ❌ แรงบดเคี้ยวลดลง 30-60%
การดูแลรักษา✅ ดูแลเหมือนฟันปกติ❌ ต้องดูแลพิเศษ/ถอดทำความสะอาด
ความมั่นคง✅ แน่นหนาเหมือนฟันปกติ❌ อาจขยับหรือหลวมได้
ผลต่อฟันข้างเคียง✅ ไม่กระทบฟันข้างเคียง❌ ฟันข้างเคียงอาจเอียงเข้าหาช่องว่าง
ค่าใช้จ่ายระยะยาว✅ คุ้มค่ากว่าในระยะยาว❌ มีค่าใช้จ่ายซ่อมแซม/เปลี่ยนใหม่

สรุป: การรักษารากฟันเป็นทางเลือกที่เหนือกว่าการถอนฟันในแทบทุกด้าน เพราะช่วยให้คุณเก็บฟันธรรมชาติไว้ได้ พร้อมประสิทธิภาพการใช้งานเกือบเท่าฟันปกติ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเก็บรักษาฟันแท้ของคุณเองไว้ ทันตแพทย์จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาฟันด้วยวิธีนี้ก่อนพิจารณาถอนฟัน

อย่าตัดสินใจผิดพลาดเพียงเพราะต้องการประหยัดเงินในระยะสั้น! ปรึกษาทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เฮย์สไมล์ (ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย) เพื่อพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสุขภาพฟันของคุณในระยะยาว

รักษารากฟันหรือถอนฟันดี ?

ทำไมต้องรักษารากฟัน ?

เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อเจอปัญหาฟันผุลึก ความจริงแล้ว การรักษารากฟันอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการช่วยรักษาฟันธรรมชาติของคุณ เมื่อทันตแพทย์ตรวจพบว่าฟันยังสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องถอนทิ้ง การรักษารากฟันจะเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณเก็บฟันธรรมชาติไว้ได้
ทำไมต้องรักษารากฟัน ?

สาเหตุที่ต้องรักษารากฟัน

การรักษารากฟันมีความจำเป็นเมื่อโพรงประสาทฟันเกิดการติดเชื้อหรืออักเสบ ซึ่งมีสาเหตุหลักดังนี้:

  1. ฟันผุลุกลามรุนแรง – ฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษาจนลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน
  2. โรคเหงือกรุนแรง – การอักเสบของเหงือกที่ลุกลามจนกระทบถึงรากฟัน
  3. การกระแทกหรือบาดเจ็บที่ฟัน – ฟันแตกหรือร้าวจนถึงโพรงประสาทฟัน
  4. การนอนกัดฟัน – การกัดฟันรุนแรงในขณะนอนหลับ (Bruxism) ทำให้เกิดรอยร้าวบนฟัน
  5. พฤติกรรมการเคี้ยวที่รุนแรง – การใช้ฟันในการกัดของแข็งหรือเคี้ยวอย่างรุนแรง

การรักษารากฟันจะช่วยบรรเทาอาการปวด ฟื้นฟูประสิทธิภาพในการเคี้ยว และช่วยป้องกันไม่ให้การติดเชื้อลุกลามไปยังฟันซี่อื่นหรือเนื้อเยื่อใกล้เคียง มารับการตรวจและปรึกษาฟรีกับเฮย์สไมล์ เพื่อวางแผนรักษารากฟันก่อนสายเกินไป

อาการเตือนปัญหารากฟัน

หากคุณกำลังเจอกับอาการปวดหรือเจ็บฟันตอนเคี้ยวอาหาร หรือเสียวฟันขณะเครื่องดื่มที่ร้อนหรือเย็น นี่อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่ากำลังมีปัญหาที่รากฟัน ปัญหารากฟัน เป็นภาวะที่ร้ายแรงที่ไม่ควรรอให้ลุกลาม เพราะอาจนำไปสู่การสูญเสียฟันอย่างถาวรได้

สัญญาณเตือน 10 อาการบ่งชี้ปัญหารากฟันที่คุณต้องรู้

1. ปวดฟันรุนแรงเวลาเคี้ยวหรือกดบนฟัน – ความเจ็บปวดทันทีที่เกิดขึ้นเมื่อคุณกัดหรือเคี้ยวอาหาร โดยเฉพาะอาหารแข็ง เป็นสัญญาณชัดเจนว่ารากฟันอาจกำลังมีปัญหา ความเจ็บปวดนี้มักรุนแรงจนรบกวนชีวิตประจำวัน

2. อาการเสียวฟันรุนแรงเมื่อสัมผัสร้อนหรือเย็น – ฟันที่มีปัญหาที่รากจะมีความไวต่ออุณหภูมิอย่างผิดปกติ เมื่อดื่มน้ำเย็นหรือร้อน คุณจะรู้สึกเสียวแปลบทันที และอาการมักไม่หายไปแม้จะนำสิ่งกระตุ้นออกแล้ว นี่คือสัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุด!

3. ฟันหลวมหรือโยกผิดปกติ – เมื่อรากฟันมีปัญหา จะส่งผลต่อความมั่นคงของฟัน ทำให้ฟันรู้สึกหลวมหรือโยกได้ แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเนื้อเยื่อรอบรากฟันอาจกำลังอักเสบหรือถูกทำลาย

4. เหงือกบวมแดงบริเวณฟันที่มีปัญหา – การอักเสบจากการติดเชื้อที่รากฟันมักลุกลามสู่เหงือก ทำให้เกิดอาการบวมแดง เจ็บ หรือมีความร้อนบริเวณเหงือกใกล้กับฟันที่มีปัญหา

5. มีตุ่มหนองบนเหงือก (Dental Fistula) – สัญญาณที่บ่งชี้ชัดเจนว่ามีการติดเชื้อรุนแรงที่รากฟัน คือการพบตุ่มคล้ายสิวหรือแผลพุพองขนาดเล็กบนเหงือก ซึ่งเป็นช่องทางระบายหนองจากการติดเชื้อ บางครั้งอาจมีของเหลวหรือหนองไหลออกมาเมื่อกดบริเวณนั้น

6. มีน้ำหนองไหลออกจากฟัน – ในกรณีรุนแรง อาจสังเกตเห็นน้ำหนองไหลออกมาจากร่องเหงือกหรือจากตัวฟันที่ติดเชื้อ สิ่งนี้มักมาพร้อมกับกลิ่นปากรุนแรงและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ในปาก

7. ใบหน้าหรือขากรรไกรบวม – หากการติดเชื้อที่รากฟันลุกลามมาก อาจทำให้เกิดการบวมที่ใบหน้า แก้ม หรือขากรรไกร ในบางกรณีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากการติดเชื้อลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด

8. สีของฟันเปลี่ยนไป (มักคล้ำลง) – ฟันที่มีปัญหาที่โพรงประสาทฟันหรือรากฟันมักเปลี่ยนสี โดยทั่วไปจะมีสีที่คล้ำลง เทาดำ หรือเหลืองน้ำตาล แตกต่างจากฟันข้างเคียงอย่างชัดเจน

9. มีอาการปวดเป็นจังหวะตามการเต้นของชีพจร – การอักเสบของรากฟันมักทำให้เกิดอาการปวดตุ้บๆ เป็นจังหวะตามการเต้นของหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อนอนราบ เนื่องจากความดันเลือดที่เพิ่มขึ้นในบริเวณที่อักเสบ

10. มีอาการปวดฟันตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน – หลายคนพบว่าอาการปวดฟันจากปัญหารากฟันจะรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืนหรือเมื่อนอนลง ทำให้นอนไม่หลับหรือตื่นกลางดึกเพราะความเจ็บปวด

คำเตือน: ปัญหารากฟันไม่สามารถหายเองได้และมักจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการรักษา! การติดเชื้อที่รากฟันสามารถลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียงได้ หากท่านมีอาการเหล่านี้ รีบมาปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ ไม่มีค่าใช้จ่าย!

อาการเตือนปัญหารากฟัน

หนองปลายรากฟัน เกิดได้อย่างไร อันตรายร้ายแรงที่ไม่ควรมองข้าม

หนองปลายรากฟัน คือสัญญาณอันตรายระดับสูงสุดที่บ่งบอกว่าสุขภาพฟันของคุณกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ! หากพบอาการนี้ ห้ามรอช้า ต้องรีบพบทันตแพทย์ทันที เพราะนี่ไม่ใช่แค่ฟันผุธรรมดา แต่เป็นภาวะติดเชื้อรุนแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมได้!

หนองปลายรากฟันคืออะไร? ทำไมถึงอันตรายมาก?

หนองปลายรากฟัน หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Periapical Abscess คือภาวะที่เกิดการสะสมของหนองบริเวณปลายรากฟัน อันเป็นผลมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรงที่ลุกลามจากภายในโพรงประสาทฟันออกไปยังปลายรากฟันและเนื้อเยื่อโดยรอบ

ข้อควรรู้: การติดเชื้อที่ปลายรากฟันสามารถลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดและอาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

หนองปลายรากฟัน

ทำไมถึงเกิดอาการที่รากฟัน ?

เหตุผลที่เกิดอาการต่างๆ เหล่านี้เพราะ โพรงประสาทฟัน (Pulp Chamber) เป็นส่วนสำคัญที่บรรจุเส้นประสาท หลอดเลือด และเนื้อเยื่อมีชีวิตของฟัน เมื่อเกิดการติดเชื้อหรืออักเสบ จะส่งผลให้:

  1. เส้นประสาทถูกกระตุ้น – ทำให้เกิดอาการปวดเสียวรุนแรง
  2. เนื้อเยื่อตายลง – เมื่อเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันตาย ฟันจะตายตามไปด้วย
  3. การติดเชื้อลุกลาม – เชื้อแบคทีเรียจะเดินทางผ่านคลองรากฟันไปสู่ปลายรากฟัน ทำให้เกิดฝีหนองและการอักเสบของเนื้อเยื่อโดยรอบ

ต้องทำอย่างไรเมื่อพบอาการที่รากฟัน ?

หากคุณกำลังประสบกับอาการใดก็ตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่ารอช้า! รีบปรึกษาทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด การวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและป้องกันความเจ็บปวดรุนแรงในอนาคตได้

ปรึกษาฟรี! กับทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์

โดยทั่วไป การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) เป็นวิธีการรักษามาตรฐานสำหรับปัญหาเหล่านี้ โดยช่วยกำจัดการติดเชื้อและเก็บรักษาฟันธรรมชาติของคุณไว้ได้ แทนที่จะต้องถอนฟันทิ้ง

อย่าลืมว่าฟันทุกซี่มีค่า และการรักษาแต่เนิ่นๆ คือกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพฟันในระยะยาว

ถ้าไม่ปวดฟัน ต้องรักษารากฟันไหม ?

ไม่ได้ปวดฟัน ทำไมต้องรักษารากฟัน?” หลายคนเข้าใจผิดว่าการรักษารากฟันจำเป็นเฉพาะเมื่อมีอาการปวดเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ฟันที่ไม่ปวดก็อาจมีการติดเชื้อรุนแรงที่รากฟันได้

5 เหตุผลสำคัญที่ต้องรักษารากฟันแม้ไม่มีอาการปวด

  1. การติดเชื้อยังคงดำเนินอยู่แม้ไม่มีอาการ  – เมื่อเส้นประสาทในโพรงประสาทฟันตายสนิท คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่การติดเชื้อยังคงลุกลามทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกรอบรากฟันอย่างเงียบๆ
  2. ภาพเอกซเรย์เผยความจริงที่มองไม่เห็นเงาดำบริเวณปลายรากฟันในภาพเอกซเรย์ บ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อและการสูญเสียมวลกระดูก ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
  3. ป้องกันการสูญเสียฟันอย่างถาวร –  การปล่อยให้การติดเชื้อลุกลามโดยไม่รักษา จะทำลายกระดูกรอบรากฟันจนฟันโยกและหลุด การรักษาแต่เนิ่นๆ จึงเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยรักษาฟันธรรมชาติไว้ได้
  4. ป้องกันการกลับมาปวดรุนแรงกว่าเดิม  – การติดเชื้อที่ถูกปล่อยทิ้งไว้อาจกลับมาปะทุเมื่อร่างกายอ่อนแอ และเมื่อกลับมา มักรุนแรงกว่าเดิมมาก เกิดฝีหนอง ใบหน้าบวม และเจ็บปวดทรมาน
  5. ป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม – การติดเชื้อที่รากฟันเชื่อมโยงกับโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคหัวใจและเบาหวาน เพราะแบคทีเรียสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลต่ออวัยวะอื่นได้

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ: 50% ของฟันที่มีการติดเชื้อที่ปลายรากไม่แสดงอาการปวดในระยะแรก แต่การติดเชื้อยังคงทำลายกระดูกรอบรากฟันอย่างต่อเนื่อง

เข้ามารับการตรวจและปรึกษาฟรี! กับทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ คลิก

ถ้าไม่ปวดฟัน ต้องรักษารากฟันไหม

ประเภทของการรักษารากฟัน

การรักษารากฟันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:

1. การรักษารากฟันด้วยวิธีปกติ (Conventional Root Canal Treatment) เป็นวิธีการรักษามาตรฐานที่ทันตแพทย์จะเข้าถึงโพรงประสาทฟันผ่านทางด้านบนของตัวฟัน และทำการกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ ทำความสะอาด และอุดคลองรากฟัน

ข้อดี:

  • เป็นวิธีที่มีอัตราความสำเร็จสูง
  • ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
  • ฟื้นตัวเร็วกว่าการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด

2. การรักษารากฟันด้วยวิธีการผ่าตัดปลายรากฟัน (Apicoectomy) วิธีนี้จะใช้เมื่อการรักษาแบบปกติไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่สามารถเข้าถึงปลายรากฟันได้ด้วยวิธีปกติ

ขั้นตอน:

  • ทันตแพทย์จะผ่าตัดเหงือกเพื่อเข้าถึงปลายรากฟัน
  • ตัดปลายรากฟันที่มีการติดเชื้อออก
  • ทำความสะอาดและอุดปลายรากฟันด้วยวัสดุพิเศษ

ปัจจุบัน มีการใช้กล้องจุลศัลยกรรม (Microscope) ช่วยในการผ่าตัด ทำให้ทันตแพทย์สามารถมองเห็นคลองรากฟันขนาดเล็กได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการรักษา

ประเภทของการรักษารากฟัน

การเตรียมตัวก่อนรับการรักษารากฟัน

3 ขั้นตอนสำคัญในการประเมินก่อนรักษารากฟัน

1. การประเมินความเป็นไปได้ในการบูรณะฟัน – เมื่อทันตแพทย์วินิจฉัยว่าคุณต้องรักษารากฟันเนื่องจากฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน ขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก คือการประเมินว่าฟันซี่นั้นสามารถบูรณะได้หรือไม่

ทันตแพทย์จะพิจารณาว่าฟันซี่นั้นสามารถทำครอบฟันได้หรือไม่หลังการรักษารากฟัน เพราะฟันที่ไม่สามารถครอบได้ อาจทำให้การรักษารากฟันไม่เกิดประโยชน์ในระยะยาว ทำให้สิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์

2. การตรวจประเมินด้วยภาพรังสี – ทันตแพทย์จะถ่ายภาพรังสีเพื่อประเมิน:

  • โครงสร้างของรากฟัน
  • จำนวนคลองรากฟัน
  • ความยาวของรากฟัน
  • การติดเชื้อที่ปลายราก
  • โครงสร้างกระดูกรอบรากฟัน

ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ทันตแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและประเมินความยากง่ายของการรักษา

3. การชี้แจงแผนการรักษา ทันตแพทย์จะอธิบายแผนการรักษารากฟันให้คุณเข้าใจ รวมถึง:

  • จำนวนครั้งที่ต้องมารับการรักษา
  • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
  • ความจำเป็นในการทำครอบฟันหลังจากรักษารากฟัน
  • อัตราความสำเร็จและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ที่เฮย์สไมล์ เรามีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษา ฟรี! สำหรับทุกเคส
นัดหมายพบทันตแพทย์ คลิก

การเตรียมตัวก่อนการรักษารากฟัน

วิธีรักษารากฟัน

การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) เป็นหัตถการทางทันตกรรมที่ช่วยรักษาฟันที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบที่โพรงประสาทฟัน การเข้าใจ วิธีการรักษารากฟัน อย่างละเอียดทุกขั้นตอน จะช่วยให้คุณเข้าใจและคลายความกังวลก่อนเข้ารับการรักษา 7 ขั้นตอนสำคัญที่คุณต้องรู้

ขั้นตอนการรักษารากฟันแบบละเอียด: จากเริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์

ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมพร้อมและการฉีดยาชา

ทันตแพทย์จะเริ่มด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณฟันที่จะรักษา ทำให้คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการรักษา หลังจากยาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ทันตแพทย์จะใส่แผ่นยางกันน้ำลาย (Rubber Dam) เพื่อแยกฟันที่จะรักษาออกจากฟันซี่อื่นๆ ซึ่งช่วยให้พื้นที่ทำงานปราศจากน้ำลายและป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค

สิ่งที่คุณควรรู้: แผ่นยางกันน้ำลาย (Rubber Dam) มีความสำคัญอย่างมากในการรักษารากฟัน ไม่เพียงช่วยให้ทันตแพทย์มองเห็นพื้นที่ทำงานได้ชัดเจน แต่ยังป้องกันไม่ให้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือเครื่องมือตกลงคอคุณระหว่างการรักษาอีกด้วย

ขั้นตอนที่ 2: การเข้าถึงโพรงประสาทฟัน

ทันตแพทย์จะเจาะเปิดตัวฟันเพื่อเข้าถึงโพรงประสาทฟัน โดยกำจัดส่วนที่ผุหรือเสียหาย รวมถึงวัสดุอุดฟันเก่า (ถ้ามี) การเปิดโพรงฟันจะทำให้สามารถเข้าถึงคลองรากฟันซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการติดเชื้อ

ขั้นตอนที่ 3: การกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ

ด้วยเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า “ไฟล์” (Files) ทันตแพทย์จะกำจัดเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันที่ติดเชื้อหรืออักเสบออกทั้งหมด พร้อมทั้งขยายคลองรากฟันให้กว้างขึ้น เพื่อให้สามารถทำความสะอาดและอุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในระหว่างนี้ ทันตแพทย์อาจใช้เครื่องมือวัดความยาวรากฟัน (Apex Locator) และถ่ายภาพรังสีเพื่อให้แน่ใจว่าได้ทำความสะอาดจนถึงปลายรากฟันอย่างสมบูรณ์

ขั้นตอนที่ 4: การล้างทำความสะอาดคลองรากฟัน

หลังจากขยายคลองรากฟันแล้ว ทันตแพทย์จะล้างคลองรากฟันด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อพิเศษ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (Sodium Hypochlorite) หรือคลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเศษเนื้อเยื่อที่ตกค้าง

ขั้นตอนที่ 5: การใส่ยาฆ่าเชื้อและอุดฟันชั่วคราว (ครั้งแรก)

เมื่อทำความสะอาดคลองรากฟันเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะใส่ยาฆ่าเชื้อลงในคลองรากฟัน (เช่น แคลเซียมไฮดรอกไซด์) และอุดฟันด้วยวัสดุชั่วคราว ยาฆ่าเชื้อจะทำงานต่อเนื่องในระหว่างที่รอนัดครั้งถัดไป เพื่อให้แน่ใจว่าการติดเชื้อถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์

ในกรณีที่ฟันมีการติดเชื้อรุนแรง อาจต้องใช้การรักษาหลายครั้ง โดยในแต่ละครั้งทันตแพทย์จะทำความสะอาดและเปลี่ยนยาฆ่าเชื้อใหม่ จนกว่าจะแน่ใจว่าการติดเชื้อหายสนิท

ขั้นตอนที่ 6: การอุดคลองรากฟันถาวร (ครั้งสุดท้าย)

เมื่อการติดเชื้อหายสนิทแล้ว (ซึ่งอาจใช้เวลา 1-3 สัปดาห์) ทันตแพทย์จะนัดคุณมาอีกครั้งเพื่ออุดคลองรากฟันถาวร โดยใช้วัสดุพิเศษที่เรียกว่า กัตตาเปอร์ชา (Gutta-percha) ร่วมกับซีเมนต์ยึดติดพิเศษ เพื่อปิดผนึกคลองรากฟันอย่างสมบูรณ์ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคกลับเข้าไปใหม่

ขั้นตอนที่ 7: การบูรณะฟันหลังรักษารากฟัน

หลังจากอุดคลองรากฟันเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะประเมินความแข็งแรงของโครงสร้างฟันที่เหลืออยู่:

  • ในกรณีที่เนื้อฟันเหลือน้อย ทันตแพทย์จะทำเดือยฟัน (Post and Core) โดยใส่เดือยลงในคลองรากฟันเพื่อเป็นแกนยึดสำหรับการบูรณะส่วนตัวฟัน
  • จากนั้นจะทำการบูรณะฟันด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่คือการครอบฟัน (Crown) เพื่อป้องกันการแตกหักของฟันและคืนความสวยงามและประสิทธิภาพในการเคี้ยว

คำแนะนำจากทีมทันตแพทย์เฮย์สไมล์: ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันแล้วมักเปราะบางกว่าฟันปกติ การครอบฟันจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ฟันที่รักษารากแล้วแต่ไม่ได้ครอบฟันมีความเสี่ยงสูงที่จะแตกหักและต้องถอนในที่สุด แนะนำนัดหมายเข้ามาปรึกษากับทีมทันตแพทย์เฉพาะทางก่อนเพื่อวางแผนการรักษา (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

วิธีรักษารากฟัน

การรักษารากฟัน ครั้งเดียว VS หลายครั้ง ต่างกันอย่างไร ?

การรักษาครั้งเดียว (Single-visit):

  • เหมาะสำหรับกรณีที่การติดเชื้อไม่รุนแรง
  • ฟันไม่มีอาการปวดบวมมาก
  • คลองรากฟันไม่ซับซ้อน
  • ประหยัดเวลาในการเดินทางมาพบทันตแพทย์

การรักษาหลายครั้ง (Multiple-visit):

  • เหมาะสำหรับกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง มีหนองปลายราก
  • ฟันมีอาการปวดบวมมาก
  • คลองรากฟันมีความซับซ้อน เช่น คดเคี้ยวหรือตีบ
  • ต้องการเวลาให้ยาฆ่าเชื้อทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ทันตแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าคุณเหมาะกับการรักษาแบบใด โดยพิจารณาจากความซับซ้อนของปัญหา ความรุนแรงของการติดเชื้อ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รักษารากฟันกี่วันหายปวด ? ระยะเวลาในการรักษาและฟื้นฟู

ความปวดจะหายเมื่อไหร่หลังรักษารากฟัน?

หลังการรักษารากฟัน ความปวดจะค่อยๆ ทุเลาลงตามลำดับ:

  • 24-48 ชั่วโมงแรก: อาจมีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณฟันที่รักษาและเหงือกโดยรอบ เนื่องจากการอักเสบหลังหัตถการ
  • 3-5 วัน: อาการปวดควรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ความไม่สบายที่เหลืออยู่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป
  • 1-2 สัปดาห์: ความรู้สึกไวต่อแรงกดหรือการเคี้ยวอาจยังคงมีอยู่ แต่อาการปวดแบบต่อเนื่องควรหายไปแล้ว
  • 2-3 สัปดาห์: ฟันควรกลับมาใช้งานได้เกือบปกติ ไม่มีอาการปวดเมื่อเคี้ยวอาหารทั่วไป

หมายเหตุ: คุณอาจรู้สึกไวต่อความรู้สึกเมื่อกดหรือเคี้ยวบนฟันที่รักษาเป็นเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แม้จะไม่มีอาการปวดแล้วก็ตาม นี่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติ

ตารางเปรียบเทียบ: ระยะเวลารักษารากฟันตามประเภทของฟัน

ประเภทของฟันจำนวนครั้งโดยเฉลี่ยระยะเวลาฟื้นตัวความซับซ้อน
ฟันหน้า (Incisors)1-2 ครั้ง1-2 สัปดาห์ต่ำ (มีรากเดียว)
ฟันเขี้ยว (Canines)1-2 ครั้ง1-2 สัปดาห์ต่ำถึงปานกลาง
ฟันกรามน้อย (Premolars)2 ครั้ง2-3 สัปดาห์ปานกลาง (1-2 ราก)
ฟันกรามใหญ่ (Molars)2-3 ครั้ง2-4 สัปดาห์สูง (3-4 ราก)

ข้อควรรู้: ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรักษารากฟัน (Endodontist) สามารถทำการรักษาได้เร็วกว่าและมีโอกาสสำเร็จสูงกว่าทันตแพทย์ทั่วไป โดยเฉพาะในกรณีที่ซับซ้อน ที่เฮย์สไมล์ ทีมทันตแพทย์เฉพาะทางของเราพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

รักษารากฟันกี่วันหายปวด

ครอบฟัน หลังจากรักษารากฟัน จำเป็นไหม ?

แม้ว่าการรักษารากฟันจะเสร็จและไม่มีอาการปวดแล้ว คุณยังควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการบูรณะฟันถาวร (เช่น ครอบฟัน) ตามที่นัดหมาย การละเลยขั้นตอนนี้อาจทำให้ฟันแตกและต้องถอนในที่สุด ควรมองว่าการครอบฟันหลังรักษารากฟันไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ฟันมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว ฟันที่รักษารากและครอบอย่างเหมาะสมสามารถใช้งานได้ยาวนานหลายสิบปี ในขณะที่ฟันที่ไม่ได้ครอบมีโอกาสสูงที่จะเกิดปัญหา

5 เหตุผลสำคัญที่ต้องครอบฟันหลังรักษารากฟัน

1. ป้องกันการแตกหักของฟัน – ฟันที่รักษารากแล้วจะเปราะบางกว่าฟันปกติมาก เพราะเนื้อเยื่อภายในถูกนำออก และโครงสร้างฟันถูกกรอไปมาก การครอบฟันจะช่วยห่อหุ้มและป้องกันฟันจากการแตกหัก โดยฟันที่รักษารากแล้วแต่ไม่ได้ครอบฟัน มีโอกาสแตกหักสูงถึง 6 เท่าของฟันที่ครอบแล้ว การครอบฟันจึงสำคัญอย่างมาก

2. ป้องกันการติดเชื้อซ้ำ – การครอบฟันช่วยปิดผนึกฟันอย่างสมบูรณ์ ป้องกันแบคทีเรียกลับเข้าไปในคลองรากฟันที่อุดไว้แล้ว ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อซ้ำ

3. ฟื้นฟูประสิทธิภาพการบดเคี้ยว – ครอบฟันช่วยกระจายแรงบดเคี้ยวไปทั่วฟัน ทำให้คุณสามารถเคี้ยวได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะฟันกรามที่ต้องรับแรงมาก

4. คืนความสวยงาม – ฟันที่ผ่านการรักษารากมักมีสีคล้ำลง การครอบฟันด้วยวัสดุเทียบเท่าสีฟันธรรมชาติช่วยให้รอยยิ้มของคุณสวยงามเหมือนเดิม

5. คุ้มค่าในระยะยาว – แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่เมื่อเทียบกับการรักษาฟันที่แตกหัก การรักษารากซ้ำ หรือการใส่รากฟันเทียม การครอบฟันคุ้มค่ากว่ามาก

ทีมทันตแพทย์เฉพาะทางจึงสำคัญอย่างมากในการร่วมกันวางแผนการรักษาตั้งแต่รักษารากฟันไปจนถึงการครอบฟัน
คุณสามารถเข้ามารับการปรึกษาและวางแผน ฟรี! กับทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าระยะยาว

ครอบฟัน หลังจากรักษารากฟัน จำเป็นไหม

อาการหลังรักษารากฟัน มีอะไรบ้าง ?

การรักษารากฟันเป็นหัตถการทางทันตกรรมที่ช่วยรักษาฟันที่มีการติดเชื้อหรือได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แม้ว่าจะเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ผู้ป่วยควรทราบถึงอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังการรักษาและวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง

อาการปกติหลังรักษารากฟัน

หลังจากรักษารากฟันเสร็จใหม่ๆ คนไข้อาจพบอาการดังต่อไปนี้:

  • อาการเจ็บปวดเล็กน้อย: มักเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันแรกหลังการรักษา ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ทุเลาลงเอง
  • อาการบวมบริเวณเหงือก: อาจพบร่วมกับอาการเจ็บปวด แต่จะค่อยๆ ยุบลงภายในไม่กี่วัน
  • ความรู้สึกไวต่อการสบฟัน: ฟันที่ได้รับการรักษาอาจมีความรู้สึกไวต่อแรงกดในช่วงแรก

อาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป เช่น พาราเซตามอล หรือยาลดการอักเสบที่ทันตแพทย์แนะนำ

สัญญาณอันตรายที่ต้องพบทันตแพทย์โดยด่วน

ในบางกรณี อาการหลังรักษารากฟันอาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข:

  • อาการปวดรุนแรงที่ไม่ทุเลาลง: อาจเกิดจากการที่คลองรากฟันยังไม่สะอาดหรือการรักษาไม่สมบูรณ์
  • อาการบวมที่รุนแรงขึ้น: อาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อที่กำลังลุกลาม
  • มีหนองไหลออกมา: แสดงถึงการติดเชื้อที่ยังคงอยู่
  • วัสดุอุดฟันชั่วคราวหลุด: เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำ

หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะอาจจำเป็นต้องรื้อและทำการรักษาใหม่

การดูแลตัวเองหลังรับการรักษารากฟัน

เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดและฟันสามารถใช้งานได้ยาวนาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:

  1. งดรับประทานอาหารทันที: ควรรอจนกว่ายาชาจะหมดฤทธิ์เพื่อป้องกันการกัดลิ้นหรือกระพุ้งแก้มโดยไม่รู้ตัว
  2. ระมัดระวังการใช้งานฟันซี่ที่รักษา: ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหรือกัดอาหารแข็งด้วยฟันซี่นั้น โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่ได้ครอบฟัน เพื่อป้องกันฟันแตกหรือหัก
  3. ตรวจสอบวัสดุอุดฟันชั่วคราว: หากพบว่าวัสดุอุดชั่วคราวหลุด ให้รีบกลับไปพบทันตแพทย์ทันที เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่คลองรากฟั
  4. ทำความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ: แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปากตามคำแนะนำของทันตแพทย์
  5. ทานยาตามที่แพทย์สั่ง – ทานยาแก้ปวดหรือยาปฏิชีวนะ (ถ้ามี) ตามที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
  6. ประคบเย็น – หากมีอาการบวม ให้ประคบเย็นบริเวณที่บวมเป็นเวลา 15-20 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง ในวันแรกหลังการรักษา
  7. แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างระมัดระวัง – รักษาสุขอนามัยช่องปากให้ดี แต่ระมัดระวังบริเวณที่ได้รับการรักษา
  8. มาตามนัดอย่างเคร่งครัด: การรักษารากฟันมักต้องทำหลายครั้ง การมาตามนัดจะช่วยให้การรักษาสมบูรณ์และลดความเสี่ยงในการต้องถอนฟันในอนาคต
เคสตัวอย่าง ก่อนและหลัง รักษารากฟัน

รักษารากฟัน ราคา

ราคารักษารากฟันโดยประมาณ

ราคารักษารากฟันจะแตกต่างกันไปตามประเภทของฟัน ความซับซ้อนของการรักษา และสถานพยาบาลที่เข้ารับบริการ โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายดังนี้:

ประเภทฟันราคาโดยประมาณ
ฟันหน้า5,000 – 7,000 บาท
ฟันกรามน้อย8,000 – 9,000 บาท
ฟันกราม10,000 – 15,000 บาท

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคารักษารากฟัน

1. ตำแหน่งและประเภทของฟัน

ฟันแต่ละซี่มีความซับซ้อนของคลองรากฟันแตกต่างกัน:

  • ฟันหน้า: มักมีคลองรากเดียว การรักษาจึงง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า
  • ฟันกรามน้อย: อาจมี 1-2 คลองราก ทำให้การรักษาซับซ้อนขึ้น
  • ฟันกราม: มักมี 3-4 คลองราก ทำให้การรักษายากที่สุดและมีราคาสูงที่สุด

2. ความซับซ้อนของการรักษา

  • ฟันที่เคยรักษารากมาก่อน: การรักษาซ้ำมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 20-40%
  • ฟันที่มีการติดเชื้อรุนแรง: อาจต้องใช้เทคนิคพิเศษและเวลาในการรักษามากขึ้น
  • ฟันที่มีรูปร่างคลองรากผิดปกติ: อาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรือเทคโนโลยีขั้นสูง

3. ขั้นตอนการรักษาเพิ่มเติม

นอกจากการรักษารากฟันแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับ:

  • การใส่เดือยฟัน: เพิ่มประมาณ 1,500 – 3,000 บาท
  • การครอบฟัน: เพิ่มประมาณ 5,000 – 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้
  • การอุดฟัน: เพิ่มประมาณ 1,000 – 3,000 บาท

ที่เฮย์สไมล์ รักษารากฟัน ราคาเริ่มต้นเพียง 7,000 บาท พร้อมปรึกษาฟรี! ทุกเคส

รักษารากฟันที่ไหนดี ? 

การรักษารากฟันเป็นหัตถการทางทันตกรรมที่ละเอียดอ่อน ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีเฉพาะทาง การเลือกสถานที่รักษาและทันตแพทย์ที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จในการรักษา

3 เกณฑ์สำคัญในการเลือกสถานที่รักษารากฟัน

1. คุณสมบัติและความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์

การรักษารากฟันที่มีประสิทธิภาพควรดำเนินการโดย:

  • ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาวิทยาเอ็นโดดอนต์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านรักษารากฟัน): มีความรู้เฉพาะทางในการรักษาคลองรากฟันที่ซับซ้อน
  • ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาทันตกรรมประดิษฐ์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านครอบฟัน): เพื่อการบูรณะฟันหลังการรักษารากให้แข็งแรงและสวยงาม
  • ทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง: แม้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่ทันตแพทย์ทั่วไปที่มีประสบการณ์สูงก็สามารถรักษารากฟันได้ดีในกรณีที่ไม่ซับซ้อน

2. เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางทันตกรรม

สถานพยาบาลที่มีเครื่องมือทันสมัยจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษา:

  • กล้องจุลทรรศน์ทางทันตกรรม: ช่วยให้ทันตแพทย์มองเห็นรายละเอียดภายในคลองรากฟันได้ชัดเจน
  • เครื่องถ่ายภาพรังสีดิจิทัล: ให้ภาพที่ชัดเจนและรวดเร็ว ลดปริมาณรังสี
  • เครื่องมือทำความสะอาดคลองรากฟันระบบโรตารี: เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการรักษา
  • เครื่องวัดความยาวรากฟันอิเล็กทรอนิกส์: ช่วยให้การรักษาแม่นยำยิ่งขึ้น

3. การประเมินการพยากรณ์โรค (Prognosis)

ทันตแพทย์ที่ดีจะประเมินโอกาสความสำเร็จในการรักษาก่อนเริ่มดำเนินการ:

  • การวิเคราะห์สภาพฟันอย่างละเอียด: ตรวจหารอยร้าว รอยแตก หรือปัญหาอื่นๆ
  • การประเมินโครงสร้างรากฟัน: บางกรณีรากฟันอาจผิดปกติหรือมีการละลาย
  • การพิจารณาสภาวะปริทันต์ (เหงือกและกระดูกรอบรากฟัน): ฟันที่มีปัญหาปริทันต์รุนแรงอาจไม่เหมาะกับการรักษาราก
  • การคำนึงถึงโรคประจำตัวของผู้ป่วย: บางโรคอาจส่งผลต่อการหายของการติดเชื้อ

ที่เฮย์สไมล์ เรามีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษา ฟรี! สำหรับทุกเคส

เคสตัวอย่าง ก่อนและหลัง รักษารากฟัน

คำถามที่พบบ่อย

การรักษารากฟันเจ็บไหม?

การรักษารากฟันจะมีบางขั้นตอนที่เจ็บ แต่ไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด โดยทันตแพทย์จะฉีดยาชาก่อนเริ่มการรักษา ไม่เจ็บระหว่างการรักษาเพราะมีการฉีดยาชา อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยหลังการรักษาซึ่งบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด

ใช้เวลานานแค่ไหนในการรักษา?

แต่ละครั้งใช้เวลา 60-90 นาที โดยทั่วไปต้องรักษา 1-2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 1-2 สัปดาห์

ต้องทำครอบฟันหลังรักษารากฟันหรือไม่?

ส่วนใหญ่แนะนำให้ทำครอบฟัน โดยเฉพาะฟันกราม เพื่อป้องกันการแตกหักและยืดอายุการใช้งาน

รักษารากฟันระหว่างจัดฟันได้ไหม?

ได้ และควรรักษารากฟันให้เสร็จก่อนที่จะเคลื่อนฟันซี่นั้นต่อไป

หลังรักษากี่วันจึงจะหายปวด?

อาการปวดจะลดลงภายใน 24-48 ชั่วโมง และหายไปภายใน 1 สัปดาห์ หากยังปวดรุนแรงหลังจากนั้นควรกลับไปพบทันตแพทย์

ทำไมไม่ถอนฟันแล้วใส่ฟันปลอมแทน?

การรักษารากฟันช่วยให้คุณเก็บฟันธรรมชาติไว้ได้ ซึ่งมีความแข็งแรงและเป็นธรรมชาติมากกว่า ช่วยรักษาโครงสร้างกระดูกขากรรไกร และป้องกันการเอียงของฟันข้างเคียง

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาฟัน เพิ่มเติมที่นี่

สรุป

การรักษารากฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาฟันที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบในโพรงประสาทฟัน โดยไม่ต้องถอนฟัน ช่วยให้คุณสามารถรักษาฟันธรรมชาติไว้ได้ แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการถอนฟัน แต่คุณค่าของการคงฟันธรรมชาติไว้คุ้มค่ากับการลงทุน

เข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมวางแผนรักษาอย่างครอบคลุม
เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สวย เป็นธรรมชาติที่สุด

คลินิกทันตกรรม HeySmile (อโศก)

สอบถาม/จองคิวนัดหมายที่

วิธีเดินทาง
รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT : สถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 1 เดินตรง 4 นาที คลินิกอยู่ด้านซ้ายมือ

รถไฟฟ้า BTS : สถานีอโศก ทางออกที่ 3 เดินไปทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท คลินิกติดถนนใหญ่อยู่ใกล้ตึกเสริมมิตร

ปรึกษาฟรี กับทันตแพทย์เฉพาะทาง