รากฟันเทียม คืออะไร? คู่มือครบครันสำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกทดแทนฟันที่สูญหาย
รากฟันเทียม (Dental Implant)
คุณเคยมีประสบการณ์ที่ต้องสูญเสียฟันไปบ้างไหม? ไม่ว่าจะเป็นเพราะฟันผุ โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ
การสูญเสียฟันไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อการเคี้ยว การพูด ความมั่นใจในตัวเอง และการใช้ชีวิต
“ฟันที่หายไปไม่กลับมาเอง แต่เราสามารถทำให้มันกลับมาได้”
ในปัจจุบัน วงการทันตกรรมมีเทคโนโลยีที่ปฏิวัติการรักษา นั่นคือ “รากฟันเทียม” ซึ่งหลายคนยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทำไมถึงได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทางเลือกที่ดีที่สุด” สำหรับการทดแทนฟันที่สูญหาย
หากคุณกำลังมองหาคำตอบสำหรับปัญหาฟันที่หายไป บทความนี้จะเป็นคู่มือครบครันที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับรากฟันเทียม ตั้งแต่ความหมาย ข้อดี วิธีการรักษา ราคา และการดูแลรักษา
เพราะการตัดสินใจเลือกวิธีทดแทนฟันที่เหมาะสม จะเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของคุณไปอย่างแน่นอน
นัดปรึกษาฟรี! กับ
ทพ. สุวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์
Dr. Suwat Teerawattanapong DDS, FRCDS (OMS)
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรากฟันเทียม
ประสบการณ์ด้านรากเทียมกว่า 18 ปี การันตีผลการักษาและอายุการใช้งานรากเทียม
รากฟันเทียม สารบัญความรู้ คลิกอ่านตามหัวข้อ
- รากฟันเทียม คืออะไร ?
- การทำงานของ รากฟันเทียม
- ส่วนประกอบของรากฟันเทียม
- วัสดุที่ใช้ใน รากฟันเทียม
- หากไม่ทำรากฟันเทียมจะส่งผลกระทบอย่างไร?
- การทำ รากฟันเทียม แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?
- ทำไม รากฟันเทียม ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ?
- ระหว่าง รากฟันเทียม สะพานฟัน ฟันปลอมถอดได้ และ รักษารากฟัน แบบไหนดีกว่า ?
- ใครบ้างที่ควรทำรากฟันเทียม ?
- การทำรากฟันเทียมไม่เหมาะกับใคร?
- รากฟันเทียมมีทั้งหมดกี่แบบ
- รากฟันเทียมชนิดต่างๆ
- การเตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียม
- ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม
- การปลูกกระดูกในการทำรากฟันเทียมคืออะไร?
- วิธีการปฏิบัติตัวหลังได้ทำ รากฟันเทียม
- ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรากฟันเทียม
- ราคา รากฟันเทียม คุ้มค่าหรือไม่ ?
- การดูแลรากฟันเทียม
- คำถามที่พบบ่อย
รากฟันเทียม คืออะไร ?
รากฟันเทียม (Dental Implant) คือนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ปฏิวัติวงการรักษาฟัน เป็นรากฟันเทียมที่ผลิตจากโลหะไทเทเนียม (Titanium) คุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปจากสาเหตุต่างๆ เช่น ฟันผุ โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ
รากฟันเทียมมีลักษณะคล้ายกับรากฟันธรรมชาติ จะถูกฝังลงในกระดูกขากรรไกรและค่อยๆ ยึดติดแน่นกับกระดูกภายในระยะเวลา 2-4 เดือน หลังจากนั้นทันตแพทย์จะติดตั้งอะบัตเม้นท์และครอบฟันบนรากเทียม เพื่อให้ได้ฟันใหม่ที่มีรูปร่างและสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
โปรโมชั่นพิเศษ! รากเทียม + ครอบฟัน + CT Scan ในราคาเดียว เริ่มต้นที่เพียง 49,900 บาท!
ปรึกษาฟรีกับทันตแพทย์เฉพาะทางทุกเคส!
การทำงานของ รากฟันเทียม
รากฟันเทียมทำงานโดยอาศัย Principle ของ Osseointegration หรือการยึดติดกับกระดูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่โลหะไทเทเนียมจะผสานเข้ากับเนื้อเยื่อกระดูกอย่างเป็นธรรมชาติ
กระบวนการทำงาน 4 ขั้นตอน:
- การฝังรากเทียม – รากเทียมจะถูกฝังลงในกระดูกขากรรไกร
- การรอการเชื่อมต่อ – กระดูกจะค่อยๆ เติบโตและห่อหุ้มรากเทียม
- การติดครอบฟัน – เมื่อยึดติดแน่นแล้ว จึงติดครอบฟันด้านบน
- การใช้งาน – ส่งแรงกดจากการเคี้ยวลงสู่กระดูกเหมือนฟันจริง
รู้จัก ครอบฟัน ให้มากขึ้น เพราะหากคุณกำลังต้องทำการรักษารากฟัน รากฟันเทียม หรือสะพานฟัน การครอบฟันอาจเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทันตแพทย์แนะนำให้ทำควบคู่กันไป เพราะการครอบฟันเป็นวิธีการบูรณะและปกป้องฟันที่ได้รับความเสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ คลิกอ่าน >> “ครอบฟัน“
ส่วนประกอบของ รากฟันเทียม
รากฟันเทียมประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก:
1. รากเทียม (Implant)
- ทำจากไทเทเนียมคุณภาพสูง
- รูปร่างเหมือนน๊อตเกลียว
- ฝังลงในกระดูกขากรรไกร
- ขนาด: เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-6 มม. ยาว 8-16 มม.
2. หัวต่อ (Abutment)
- เป็นตัวเชื่อมระหว่างรากเทียมกับครอบฟัน
- ทำจากไทเทเนียมหรือเซรามิก
- ออกแบบตามรูปร่างเหงือก
3. ครอบฟัน (Crown)
- ส่วนที่มองเห็นและใช้เคี้ยว
- ทำจากเซรามิก พอร์ซเลน หรือโลหะผสม
- ออกแบบให้เหมือนฟันธรรมชาติ
หากไม่ทำ รากฟันเทียม จะส่งผลกระทบอย่างไร ?
หลายคนมองข้ามปัญหาการสูญเสียฟัน โดยคิดว่าเป็นเรื่องปกติของวัย แต่ความจริงแล้ว การไม่ทดแทนฟันที่สูญหายจะสร้างปัญหาร้ายแรงตามมา
ผลกระทบระยะสั้น (0-6 เดือน):
- ปัญหาการเคี้ยว – ประสิทธิภาพลดลง 40-60%
- ปัญหาการพูด – เสียงไม่ชัด เป่าลมรั่ว
- ปัญหาความมั่นใจ – กลัวยิ้ม ไม่กล้าพูดคุย
- ฟันข้างเคียงเริ่มเอียง – เสียการสนับสนุน
ผลกระทบระยะยาว (1-5 ปี):
- การละลายของกระดูก – กระดูกขากรรไกรยุบตัว 25% ในปีแรก
- การเปลี่ยนแปลงใบหน้า – แก้มยุบ ปากบิด ดูแก่กว่าวัย
- ปัญหาการย่อยอาหาร – เคี้ยวไม่ดี ส่งผลต่อกระเพาะอาหาร
- ปัญหาข้อต่อขากรรไกร – เนื่องจากการกัดไม่สมดุล
นี่คือเหตุผลที่ทันตแพทย์แนะนำให้รีบทดแทนฟันที่สูญหายโดยเร็วที่สุด! หากคุณมีความเสี่ยงข้างต้น อย่ารอช้าที่จะเข้ามาพบทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ เพื่อรับคำปรึกษาและวางแผนเบื้องต้น ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
การทำ รากฟันเทียม แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
ปัญหาที่แก้ได้ 100%:
- คืนการเคี้ยว – ประสิทธิภาพใกล้เคียงฟันจริง 95%
- แก้ปัญหาการพูด – เสียงชัดขึ้น ไม่รั่ว
- คืนความมั่นใจ – ยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ป้องกันกระดูกละลาย – รักษาโครงสร้างใบหน้า
ประโยชน์เพิ่มเติม:
- ไม่กระทบฟันข้างเคียง
- ไม่ต้องถอดออกเหมือนฟันปลอม
- ทำความสะอาดง่าย
- ใช้งานได้ตลอดชีวิต
ทำไม รากฟันเทียม ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ?
ข้อดีของรากฟันเทียมที่โดดเด่น
1. ความคงทนยาวนาน รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิต
2. ประสิทธิภาพการเคี้ยวเทียบเท่าฟันจริง สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ทุกชนิดด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญในการรับประทานอาหาร
3. ความสวยงามเป็นธรรมชาติ ออกแบบให้มีรูปร่าง สี และความโปร่งแสงเหมือนฟันธรรมชาติ ทำให้มั่นใจในการยิ้มและพูดคุยในที่สาธารณะ
4. ไม่กระทบต่อฟันข้างเคียง ไม่จำเป็นต้องเจียระไนฟันข้างเคียงเหมือนการทำสะพานฟัน ช่วยรักษาฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่
5. ป้องกันการละลายของกระดูก รากฟันเทียมช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกร ป้องกันการยุบตัวของกระดูกที่รองรับฟัน ทำให้โครงหน้าคงรูปไม่เปลี่ยนแปลง
ระหว่าง รากฟันเทียม สะพานฟัน ฟันปลอมถอดได้ และ รักษารากฟัน แบบไหนดีกว่า ?
การเปรียบเทียบแบบละเอียด:
| หัวข้อ | รากฟันเทียม | สะพานฟัน | ฟันปลอมถอดได้ | รักษารากฟัน |
|---|---|---|---|---|
| ความคงทน | 20+ ปี | 10-15 ปี | 5-7 ปี | 10-15 ปี |
| ความเป็นธรรมชาติ | ★★★★★ | ★★★★☆ | ★★☆☆☆ | ★★★★★ |
| การเคี้ยว | 95% | 80% | 50% | 100% |
| กระทบฟันข้างเคียง | ไม่กระทบ | ต้องเจียระไน | ไม่กระทบ | ไม่กระทบ |
| ความสะดวก | ไม่ต้องถอด | ไม่ต้องถอด | ต้องถอด | ไม่ต้องถอด |
| ราคา | สูงสุด | ปานกลาง | ต่ำสุด | ปานกลาง |
คำแนะนำการเลือก:
- รากฟันเทียม: เหมาะกับผู้ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด
- สะพานฟัน: เหมาะกับผู้ที่ฟันข้างเคียงมีปัญหาอยู่แล้ว
- ฟันปลอมถอดได้: เหมาะกับผู้สูงอายุหรือมีข้อจำกัดทางการเงิน
- รักษารากฟัน: เหมาะกับฟันธรรมชาติที่ยังไม่เสียหายมาก
ข้อควรรู้: การรักษารากฟัน หรือ Root Canal Treatment คือกระบวนการทางทันตกรรมเพื่อช่วยรักษาฟันที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบในโพรงประสาทฟัน โดยไม่จำเป็นต้องถอนฟันออก เป็นการรักษาเพื่อช่วยให้คุณยังคงใช้ฟันธรรมชาติของตัวเองได้ต่อไป หากอยากรู้ว่าต้องรักษารากฟันหรือไม่? คลิก >> “รักษารากฟัน“
ใครบ้างที่ควรทำรากฟันเทียม ?
กลุ่มที่เหมาะสมที่สุด:
- ผู้ที่สูญเสียฟัน 1-2 ซี่ และต้องการทดแทนอย่างถาวร
- มีสุขภาพช่องปากดี ไม่มีโรคเหงือกรุนแรง
- มีกระดูกขากรรไกรเพียงพอ รองรับรากเทียม
- อายุ 18 ปีขึ้นไป (กระดูกเจริญเติบโตเสร็จแล้ว)
- ไม่สูบบุหรี่ หรือสามารถเลิกได้
- มีสุขภาพโดยรวมดี ไม่มีโรคประจำตัวที่รุนแรง
กลุ่มที่ได้ประโยชน์สูง:
- ผู้ที่ใช้ฟันปลอมถอดได้แล้วไม่พอใจ
- ผู้ที่ไม่ต้องการเจียระไนฟันข้างเคียง
- ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการพูดและยิ้ม
- ผู้ที่ทำงานต้องพบปะผู้คน
การทำรากฟันเทียมไม่เหมาะกับใคร?
กลุ่มที่ไม่แนะนำ:
- เด็กและวัยรุ่นต่ำกว่า 18 ปี – กระดูกยังเจริญเติบโตไม่เสร็จ
- ผู้ป่วยโรคหัวใจรุนแรง – เสี่ยงต่อการผ่าตัด
- ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมไม่ได้ – แผลหายช้า
- ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยรังสีบริเวณศีรษะคอ
- ผู้ที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือดขนาดสูง
กลุ่มที่ต้องระวัง:
- ผู้ที่สูบบุหรี่หนัก (เสี่ยงล้มเหลว)
- ผู้ที่กัดฟันแรงหรือกรอฟัน
- ผู้ที่มีโรคกระดูกพรุน
- ผู้ที่ไม่สามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้ดี
เข้ามารับการตรวจและปรึกษาฟรี!
กับทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ เพื่อคัดกรองอาการเบื้องต้น และวางแผนรักษาอย่างครอบคลุม
รากฟันเทียม มีทั้งหมดกี่แบบ
แบ่งตามรูปแบบการติดตั้ง:
1. รากฟันเทียมแบบ 2 ขั้นตอน (Two-Stage)
- ขั้นตอนที่ 1: ฝังรากเทียม รอ 3-6 เดือน
- ขั้นตอนที่ 2: ติดหัวต่อและครอบฟัน
- เหมาะกับกรณีทั่วไป
2. รากฟันเทียมแบบขั้นตอนเดียว (One-Stage)
- ฝังรากเทียมและติดหัวต่อพร้อมกัน
- รอ 3-6 เดือนก่อนใส่ครอบฟันถาวร
- เหมาะกับกรณีที่กระดูกแข็งแรง
3. รากฟันเทียมแบบใส่ทันที (Immediate Loading)
- ฝังรากเทียมและใส่ครอบฟันในวันเดียว
- ต้องมีเงื่อนไขพิเศษ
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
รากฟันเทียม ชนิดต่างๆ
แบ่งตามวัสดุ:
1. รากฟันเทียมไทเทเนียมบริสุทธิ์
- ความแข็งแรงสูง
- เข้ากันได้ดีกับร่างกาย
- ราคาปานกลาง
- เหมาะกับกรณีทั่วไป
2. รากฟันเทียมไทเทเนียมผสม
- แข็งแรงมากกว่าไทเทเนียมบริสุทธิ์
- ราคาสูงกว่าเล็กน้อย
- เหมาะกับผู้ที่เคี้ยวแรง
3. รากฟันเทียมเซอร์โคเนีย
- สีขาวเหมือนฟันธรรมชาติ
- เหมาะกับฟันหน้า
- ราคาแพงที่สุด
- ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน
แบ่งตามยี่ห้อ:
ยี่ห้อระดับพรีเมียม:
- Nobel Biocare (สวีเดน)
- Straumann (สวิตเซอร์แลนด์)
- Astra Tech (สวีเดน)
ยี่ห้อระดับกลาง:
- Zimmer Biomet (สหรัฐอเมริกา)
- BioHorizons (สหรัฐอเมริกา))
- Osstem (เกาหลีใต้)
การเตรียมตัวก่อนทำ รากฟันเทียม
การเตรียมทางกาย:
- ตรวจสุขภาพทั่วไป – CBC, การแข็งตัวของเลือด
- ควบคุมโรคประจำตัว – เบาหวาน ความดันโลหิต
- เลิกสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อน
- งดแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์ก่อน
การเตรียมทางจิตใจ:
- ศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ
- เตรียมใจสำหรับการฟื้นตัว
- จัดเวลาพักหลังทำ
- เตรียมอาหารอ่อนสำหรับหลังทำ
การเตรียมด้านการเงิน:
- สอบถามค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- เตรียมเงินสำหรับค่ายาและการติดตาม
- สอบถามการผ่อนชำระ
ขั้นตอนการทำ รากฟันเทียม
ขั้นตอนที่ 1: การตรวจและวางแผน (1-2 สัปดาห์)
- ตรวจสุขภาพช่องปากโดยละเอียด
- ถ่าย X-ray หรือ CT Scan
- วัดและทำแบบฟัน
- วางแผนการรักษา
- อธิบายขั้นตอนและค่าใช้จ่าย
ขั้นตอนที่ 2: การเตรียมบริเวณ (1 สัปดาห์)
- รักษาโรคเหงือกถ้ามี
- ถอนฟันที่เสียหายถ้าจำเป็น
- ทำความสะอาดช่องปาก
- ให้คำแนะนำการเตรียมตัว
ขั้นตอนที่ 3: การฝังรากเทียม (2-3 ชั่วโมง)
- ฉีดยาชาเฉพาะที่
- ผ่าเหงือกเพื่อเปิดกระดูก
- เจาะรูในกระดูกด้วยเครื่องมือพิเศษ
- ฝังรากเทียมลงในกระดูก
- เย็บแผลและให้คำแนะนำหลังทำ
ขั้นตอนที่ 4: ระยะการรอ (3-6 เดือน)
- รอให้รากเทียมยึดติดกับกระดูก
- นัดตรวจติดตามทุก 2-4 สัปดาห์
- ใส่ฟันปลอมชั่วคราวถ้าจำเป็น
- ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดี
ขั้นตอนที่ 5: การติดหัวต่อ (1 ชั่วโมง)
- เปิดเหงือกเพื่อให้เห็นรากเทียม
- ติดหัวต่อ (Abutment)
- รอให้เหงือกหายบวม 1-2 สัปดาห์
ขั้นตอนที่ 6: การใส่ครอบฟันถาวร (2-3 สัปดาห์)
- วัดและทำครอบฟันในห้องแล็บ
- ทดลองใส่และปรับแต่ง
- ใส่ครอบฟันถาวร
- ตรวจสอบการกัดและความพอใจ
การปลูกกระดูกในการทำรากฟันเทียมคืออะไร ?
ความหมายของการปลูกกระดูก:
การปลูกกระดูก หรือ Bone Grafting คือการเติมกระดูกเทียมหรือกระดูกจากส่วนอื่นของร่างกาย เพื่อเพิ่มปริมาณและความหนาของกระดูกขากรรไกรให้เพียงพอสำหรับการฝังรากฟันเทียม
สาเหตุที่ต้องปลูกกระดูก:
- กระดูกบาง – ไม่เพียงพอรองรับรากเทียม
- กระดูกสูงไม่พอ – ความสูงไม่เพียงพอ
- กระดูกเสื่อม – จากการสูญเสียฟันมานาน
- การแตกหักของกระดูก – จากอุบัติเหตุ
ชนิดของกระดูกที่ใช้:
1. กระดูกจากตัวผู้ป่วยเอง (Autograft)
- ได้จากบริเวณคาง หรือสะโพก
- ประสิทธิภาพดีที่สุด
- ต้องผ่าตัด 2 จุด
2. กระดูกจากคนอื่น (Allograft)
- ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว
- ปลอดภัย สะดวก
- ราคาปานกลาง
3. กระดูกจากสัตว์ (Xenograft)
- มาจากววัวหรือหมู
- ปลอดภัย ราคาถูก
- ใช้เป็นโครงสร้างให้กระดูกเติบโต
4. กระดูกเทียม (Alloplast)
- ทำจากแคลเซียมฟอสเฟต
- ปลอดภัยที่สุด
- ประสิทธิภาพดี
ระยะเวลาฟื้นตัว:
- การปลูกกระดูกเล็กน้อย: 3-4 เดือน
- การปลูกกระดูกมาก: 6-9 เดือน
- สามารถทำพร้อมกับฝังรากเทียมได้ในบางกรณี
วิธีการปฏิบัติตัวหลังได้ทำ รากฟันเทียม
24 ชั่วโมงแรก:
- ไม่บ้วนปาก – อาจทำให้ลิ่มเลือดหลุด
- กัดสำลี 30-45 นาที เพื่อห้ามเลือด
- ประคบเย็น 15 นาที เว้น 15 นาที
- ไม่กินของร้อน อาหารเย็นและอ่อน
- นอนหัวสูง เพื่อลดการบวม
สัปดาห์แรก:
- กินยาตามแพทย์สั่ง – ยาปฏิชีวนะและแก้ปวด
- แปรงฟันระวัง – หลีกเลี่ยงบริเวณแผล
- บ้วนปากน้ำเกลือ – วันที่ 2 เป็นต้นไป
- กินอาหารอ่อน – โจ๊ก ไข่ตุ๋น นม โยเกิร์ต
- หลีกเลี่ยงการออกแรง – ไม่ยกของหนัก
2-8 สัปดาห์:
- กลับมาแปรงฟันปกติ – ระวังบริเวณรากเทียม
- กินอาหารปกติ – เริ่มจากอาหารอ่อนไปแข็ง
- ตรวจติดตาม – ตามนัดแพทย์
- หลีกเลี่ยงการกัดแรง – ยังไม่ใส่ครอบฟัน
3-6 เดือน (ระยะรอ):
- รักษาสุขภาพช่องปาก – แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน
- ตรวจติดตามสม่ำเสมอ – ทุก 4-6 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือน
- ไม่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
หลังใส่ครอบฟันแล้ว:
- ดูแลเหมือนฟันจริง – แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง
- ใช้ไหมขัดฟัน – ทำความสะอาดซอกฟัน
- หลีกเลี่ยงของแข็งมาก – น้ำแข็ง กระดูก เปลือกแข็ง
- ตรวจฟันสม่ำเสมอ – ทุก 6 เดือน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:
- สูบบุหรี่ (เสี่ยงต่อการล้มเหลว 2 เท่า)
- ดื่มแอลกอฮอล์มาก
- กัดเล็บ กัดปากกา
- ใช้ฟันเป็นเครื่องมือ
- กินยาแอสไพรินโดยไม่จำเป็น
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรากฟันเทียม
ปัญหาระยะสั้น (1-3 เดือนแรก):
1. การติดเชื้อ (Infection)
- อาการ: บวม แดง มีหนอง
- สาเหตุ: ดูแลไม่สะอาด กินยาไม่ครบ
- การรักษา: ล้างแผล ให้ยาปฏิชีวนะ
- การป้องกัน: ดูแลสุขภาพช่องปากดี
2. การบวมมากกว่าปกติ
- อาการ: บวมเกิน 1 สัปดาห์
- สาเหตุ: ร่างกายแพ้การอักเสบ
- การรักษา: ให้ยาแก้อักเสบ
- การป้องกัน: ประคบเย็นในวันแรก
3. การเสียหายของเส้นประสาท
- อาการ: ชาปาก ชาริมฝีปาก
- สาเหตุ: รากเทียมใกล้เส้นประสาทมาก
- การรักษา: รอเวลา ทำกายภาพบำบัด
- การป้องกัน: วางแผนรักษาดี
ปัญหาระยะกลาง (3-12 เดือน):
4. รากเทียมไม่ยึดติดกับกระดูก
- อาการ: รากเทียมหลวม
- สาเหตุ: สูบบุหรี่ เบาหวาน การติดเชื้อ
- การรักษา: ถอดรากเทียมออก รอ 3 เดือนแล้วทำใหม่
- อัตราเกิด: 2-5% ของกรณีทั้งหมด
5. การอักเสบรอบรากเทียม
- อาการ: เหงือกบวม เจ็บ มีเลือดออก
- สาเหตุ: ดูแลไม่สะอาด สะสมหินปูน
- การรักษา: ขูดหินปูน ล้างทำความสะอาด
- การป้องกัน: ดูแลสุขภาพช่องปากดี
ปัญหาระยะยาว (1 ปีขึ้นไป):
6. ครอบฟันแตกหรือหลุด
- อาการ: ครอบฟันมีรอยแตกหรือหลุดออก
- สาเหตุ: กัดแรงเกินไป การกระทบกระเทือน
- การรักษา: เปลี่ยนครอบฟันใหม่
- การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการกัดของแข็ง
7. การสูญเสียกระดูกรอบรากเทียม
- อาการ: รากเทียมหลวม เหงือกถอย
- สาเหตุ: โรคเหงือก การดูแลไม่ดี
- การรักษา: รักษาโรคเหงือก อาจต้องผ่าตัด
- การป้องกัน: ตรวจฟันสม่ำเสมอ
ราคา รากฟันเทียม คุ้มค่าหรือไม่ ?
ราคารากฟันเทียมในประเทศไทย:
ระดับทั่วไป: 40,000-70,000 บาท/ซี่
- ยี่ห้อเกาหลี หรือจีน
- เหมาะกับงบประมาณจำกัด
ระดับกลาง: 70,000-120,000 บาท/ซี่
- ยี่ห้อยุโรป เช่น Osstem, Megagen
- คุณภาพดี ราคาเหมาะสม
ระดับพรีเมียม: 120,000-200,000 บาท/ซี่
- ยี่ห้อยุโรป เช่น Nobel, Straumann
- คุณภาพสูงสุด การันตียาวนาน
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม:
- การปลูกกระดูก: 15,000-50,000 บาท
- ฟันปลอมชั่วคราว: 5,000-15,000 บาท
- ยาและการติดตาม: 3,000-10,000 บาท
คำแนะนำจากทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์: แม้ว่า ราคา รากฟันเทียม จะสูงกว่าวิธีทดแทนฟันแบบอื่น แต่เมื่อพิจารณาถึง:
- อายุการใช้งานที่ยาวนาน (20+ ปี)
- ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
- ไม่กระทบต่อฟันข้างเคียง
- ช่วยรักษาโครงสร้างใบหน้า
จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
การดูแล รากฟันเทียม
การดูแลรายวัน:
- แปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
- ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน
- บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการกัดแกะของแข็งเกินไป
การตรวจติดตาม:
- ตรวจฟันทุก 6 เดือน
- ขูดหินปูนและทำความสะอาดเป็นระยะ
- เฝ้าระวังอาการผิดปกติ
ที่เฮย์สไมล์ เรามีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษา ฟรี! สำหรับทุกเคส
คำถามที่พบบ่อย
ฝังรากฟันเทียม ใช้เวลาในการฝังนานไหม?
ระยะเวลาในการฝังรากฟันเทียม ขึ้นอยู่กับจำนวนซี่ที่ฝัง ปกติฝังรากฟันเทียม 1 ซี่ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็เสร็จแล้ว แต่ถ้าหากมีจำนวนซี่ที่ต้องฝังเยอะก็อาจจะต้องใช้เวลา หรือกรณีที่ต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วยก็ต้องเวลานานขึ้น เพื่อให้แผนการรักษาออกมาดีที่สุด
ฝังรากฟันเทียม ต้องพักฟื้นไหม?
การฝังรากฟันเทียมเป็นการผ่าตัดเล็กๆ ใช้การฉีดยาชา และจากการสัมภาษณ์คนไข้รากฟันเทียมหลายๆ เคสที่ผ่านมามักจะบอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับการถอนฟัน หรือบางคนรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการถอนฟันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงไม่กระทบต่อการใช้ชีวิต ไม่ต้องมีการพักฟื้น หลังจากฝังรากฟันเทียมแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย
ทำรากฟันเทียม ต้องปลูกกระดูกก่อนไหม?
ต้องขึ้นอยู่กับความหนาของกระดูกคนไข้ ส่วนใหญ่เคสที่จำเป็นต้องปลูกกระดูกคือ คนไข้ที่สูญเสียฟันปล่อยให้ฟันหลอเป็นเวลานานทำให้กระดูกฟันฝ่อลงเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องปลูกกระดูกก่อนฝังรากเทียม หากจะพูดให้เห็นภาพ คือเปรียบเสมือนเรากำลังจะฝังเสาสักต้นลงไปในดิน หากดินมีไม่เพียงพอเสาก็อาจจะล้มได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเติมดินนั่นเอง
ทำรากฟันเทียม เจ็บไหม?
ต้องบอกก่อนว่าความเจ็บปวดของการทำรากฟันเทียมใกล้เคียงกันการถอนฟัน หรืออาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ตัวคนไข้ จากประสบการณ์ฝังรากฟันเทียมให้คนไข้มาหลายๆ เคส และจากการสัมภาษณ์คนไข้หลังทำ ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ็บน้อยกว่าถอนฟัน และผ่าฟันคุดอีก
หากต้องมีการฝังรากฟันเทียมหลายซี่ ก็เปรียบเหมือนการถอนฟันหลายซี่เช่นกัน แน่นอนว่าอาจจะมีอาการบวมหลังทำเกิดขึ้นได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการปลูกกระดูก ก็อาจจะมีอาการการบวมเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่หลังการทำผลลัพธ์มักจะดีคุ้มค่า การใช้ชีวิตหลังฝังรากฟันเทียมดีขึ้น
ใส่รากฟันเทียม เคี้ยวได้เหมือนฟันจริงๆไหม?
การบดเคี้ยวของรากฟันเทียม ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติเลย เนื่องจากได้ทำการฝังรากฟันเทียมลงไปที่กระดูก ทำให้แรงบดเคี้ยวลงไปที่กระดูกโดยตรง จึงทำให้มีประสิทธิภาพ และให้ความรู้สึกเวลาเคี้ยวอาหารใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมาก
รากฟันเทียม ดูแลรักษายากไหม?
ไม่ยากเลย การดูแลรักษารากเทียมเหมือนกับการดูแลฟันธรรมชาติ เนื่องจากสามารถแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้เหมือนฟันธรรมชาติเลย
รากฟันเทียม มีอายุการใช้งานนานไหม?
ตัวรากฟันเทียม มีความทนทานมาก ซึ่งถ้าหากคนไข้ดูแลทำความสะอาดอย่างดี ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ แปรงฟันสะอาด รวมไปถึงหมั่นไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ทำการตรวจเช็คบำรุงรักษาอยู่ตลอด ก็จะทำให้รากฟันเทียมนั้นสามารถอยู่กับคนไข้ไปได้อย่างยาวนาน หรือตลอดไปเลย
ฝีมือ และคุณภาพ การทำรากฟันเทียมของหมอแต่ละคน จะมีมาตรฐานเดียวกันไหม?
คุณภาพรากฟันเทียมเหมือนกัน คุณหมอประจำที่คลินิก เป็นคุณหมอเฉพาะทางด้านรากฟันเทียมโดยตรง คนไข้คลายกังวลได้เลย
เป็นโรคเบาหวาน ทำรากฟันเทียมได้ไหม?
สามารถทำได้ปกติ แต่แนะนำว่าควรมีการปรึกษาระหว่าง คุณหมอประจำตัวที่ดูแลในส่วนของโรคเบาหวาน และ คุณหมอฟันที่ทำรากฟันเทียม ควบคู่กันไปด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง
ทำรากฟันเทียม ให้เสร็จภายในวันเดียวได้ไหม?
การฝังรากฟันเทียมแบบวันเดียวเสร็จ จริงๆ ทำได้ทุกคน แต่ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้น และที่สำคัญต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวคนไข้เองด้วย เพราะการฝังรากฟันเทียมต้องมีความพร้อมในเรื่องของ “กระดูก” เป็นหลัก และยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเช่น การดูแลความสะอาดของคนไข้ การบดเคี้ยวของคนไข้ใช้แรงเยอะไหม ปัจจัยเหล่านี้คุณหมอจะเป็นคนพิจารณาว่าคนไข้เหมาะที่จะทำรึเปล่า
สิ่งสำคัญที่คนไข้ต้องการคือ การรักษาครั้งเดียว ทำเสร็จแล้วรากเทียมอยู่กับคนไข้ไปยาวๆ นั้นคือการวางแผนที่ดี การทำเร็วเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่หมอตระหนักให้กับคนไข้ก็คือ การที่ทำรากเทียมเสร็จแล้วคนไข้ใช้งานได้จริง ใช้ได้อย่างคุ้มค่ายาวนาน และได้รับการรักษาที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ
หลังทำรากฟันเทียม ไปกินอะไรได้บ้าง?
สามารถทานอาหารได้ปกติเลย แต่แนะนำว่าช่วงแรกๆ ควรทานอาหารอ่อนๆ ก่อน เช่น โจ๊ก หรือ ข้าวต้ม งดทานของร้อนจัด หรือเผ็ดจัด หากทานของเย็นๆ ได้ยิ่งดี
หลังทำรากฟันเทียม จะมีอาการบวมมากไหม?
อาการบวม จะมีบ้างเล็กน้อยไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ บางคนมีอาการบวมนิดหน่อย 1-2 วันก็หายเป็นปกติแล้ว
แต่สำหรับคนไข้ที่ปลูกกระดูกร่วมด้วย อาจจะมีอาการบวมมากว่าประมาณ 2 อาทิตย์ แต่บางคนแผลหายเร็วอาการบวมก็จะหายเร็วกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวคนไข้แต่ละคน เนื่องจากร่างกายของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน
สรุป
รากฟันเทียม คืออะไร ? คือ คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการทดแทนฟันที่สูญหายด้วยวิธีที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งในด้านความสวยงาม การใช้งาน และความคงทน
- รากฟันเทียมใช้งานได้ตลอดชีวิตหากดูแลดี
- ประสิทธิภาพการเคี้ยวใกล้เคียงฟันจริง 95%
- ไม่กระทบต่อฟันข้างเคียง
- ป้องกันการละลายของกระดูกขากรรไกร
- ช่วยรักษาโครงสร้างใบหน้าให้คงรูป
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการปรึกษาแพทย์ได้ กรุณาปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจรักษา
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือการนัดหมาย: เข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมวางแผนรักษาอย่างครอบคลุม เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สวย เป็นธรรมชาติที่สุด
คลินิกทันตกรรม HeySmile (อโศก)
สอบถาม/จองคิวนัดหมายที่
วิธีเดินทาง
รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT : สถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 1 เดินตรง 4 นาที คลินิกอยู่ด้านซ้ายมือ
รถไฟฟ้า BTS : สถานีอโศก ทางออกที่ 3 เดินไปทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท คลินิกติดถนนใหญ่อยู่ใกล้ตึกเสริมมิตร
พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องฟัน
HeySmile ยินดีให้คำปรึกษาทางทันตกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดฟัน อุดฟัน ทำฟัน รักษารากฟัน หรือทันตกรรมอื่นๆ เราพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ

