รากฟันเทียม คืออะไร? คู่มือครบครันสำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกทดแทนฟันที่สูญหาย

รากฟันเทียม คืออะไร

รากฟันเทียม (Dental Implant)

คุณเคยมีประสบการณ์ที่ต้องสูญเสียฟันไปบ้างไหม? ไม่ว่าจะเป็นเพราะฟันผุ โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ

การสูญเสียฟันไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อการเคี้ยว การพูด ความมั่นใจในตัวเอง และการใช้ชีวิต

“ฟันที่หายไปไม่กลับมาเอง แต่เราสามารถทำให้มันกลับมาได้”

ในปัจจุบัน วงการทันตกรรมมีเทคโนโลยีที่ปฏิวัติการรักษา นั่นคือ “รากฟันเทียม” ซึ่งหลายคนยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทำไมถึงได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทางเลือกที่ดีที่สุด” สำหรับการทดแทนฟันที่สูญหาย

หากคุณกำลังมองหาคำตอบสำหรับปัญหาฟันที่หายไป บทความนี้จะเป็นคู่มือครบครันที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับรากฟันเทียม ตั้งแต่ความหมาย ข้อดี วิธีการรักษา ราคา และการดูแลรักษา

เพราะการตัดสินใจเลือกวิธีทดแทนฟันที่เหมาะสม จะเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของคุณไปอย่างแน่นอน

ทพ. สุวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์
นัดปรึกษาฟรี! กับ

ทพ. สุวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์
Dr. Suwat Teerawattanapong DDS, FRCDS (OMS)
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรากฟันเทียม

ประสบการณ์ด้านรากเทียมกว่า 18 ปี การันตีผลการักษาและอายุการใช้งานรากเทียม
นัดปรึกษาฟรี! กับ ทพ. สุวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์
นัดปรึกษาฟรี! กับ ทพ. สุวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์
นัดปรึกษาฟรี! กับ ทพ. สุวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์
นัดปรึกษาฟรี! กับ ทพ. สุวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์

รากฟันเทียม สารบัญความรู้ คลิกอ่านตามหัวข้อ


รากฟันเทียม คืออะไร ?

รากฟันเทียม (Dental Implant) คือนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ปฏิวัติวงการรักษาฟัน เป็นรากฟันเทียมที่ผลิตจากโลหะไทเทเนียม (Titanium) คุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปจากสาเหตุต่างๆ เช่น ฟันผุ โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ

รากฟันเทียมมีลักษณะคล้ายกับรากฟันธรรมชาติ จะถูกฝังลงในกระดูกขากรรไกรและค่อยๆ ยึดติดแน่นกับกระดูกภายในระยะเวลา 2-4 เดือน หลังจากนั้นทันตแพทย์จะติดตั้งอะบัตเม้นท์และครอบฟันบนรากเทียม เพื่อให้ได้ฟันใหม่ที่มีรูปร่างและสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด

โปรโมชั่นพิเศษ! รากเทียม + ครอบฟัน + CT Scan ในราคาเดียว เริ่มต้นที่เพียง 49,900 บาท!

ปรึกษาฟรีกับทันตแพทย์เฉพาะทางทุกเคส!

รากฟันเทียม คืออะไร
รากฟันเทียม คืออะไร

การทำงานของ รากฟันเทียม

รากฟันเทียมทำงานโดยอาศัย Principle ของ Osseointegration หรือการยึดติดกับกระดูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่โลหะไทเทเนียมจะผสานเข้ากับเนื้อเยื่อกระดูกอย่างเป็นธรรมชาติ

กระบวนการทำงาน 4 ขั้นตอน:

  1. การฝังรากเทียม – รากเทียมจะถูกฝังลงในกระดูกขากรรไกร
  2. การรอการเชื่อมต่อ – กระดูกจะค่อยๆ เติบโตและห่อหุ้มรากเทียม
  3. การติดครอบฟัน – เมื่อยึดติดแน่นแล้ว จึงติดครอบฟันด้านบน
  4. การใช้งาน – ส่งแรงกดจากการเคี้ยวลงสู่กระดูกเหมือนฟันจริง

รู้จัก ครอบฟัน ให้มากขึ้น เพราะหากคุณกำลังต้องทำการรักษารากฟัน รากฟันเทียม หรือสะพานฟัน การครอบฟันอาจเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทันตแพทย์แนะนำให้ทำควบคู่กันไป เพราะการครอบฟันเป็นวิธีการบูรณะและปกป้องฟันที่ได้รับความเสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ คลิกอ่าน >> “ครอบฟัน

ส่วนประกอบของ รากฟันเทียม

รากฟันเทียมประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก:

1. รากเทียม (Implant)

  • ทำจากไทเทเนียมคุณภาพสูง
  • รูปร่างเหมือนน๊อตเกลียว
  • ฝังลงในกระดูกขากรรไกร
  • ขนาด: เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-6 มม. ยาว 8-16 มม.

2. หัวต่อ (Abutment)

  • เป็นตัวเชื่อมระหว่างรากเทียมกับครอบฟัน
  • ทำจากไทเทเนียมหรือเซรามิก
  • ออกแบบตามรูปร่างเหงือก

3. ครอบฟัน (Crown)

  • ส่วนที่มองเห็นและใช้เคี้ยว
  • ทำจากเซรามิก พอร์ซเลน หรือโลหะผสม
  • ออกแบบให้เหมือนฟันธรรมชาติ
ส่วนประกอบของ รากฟันเทียม
ส่วนประกอบของ รากฟันเทียม

วัสดุที่ใช้ใน รากฟันเทียม

รากฟันเทียม ทำจาก “ไทเทเนียม (Titanium)” ซึ่งเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษ:

  • เข้ากันได้ดีกับร่างกาย (Biocompatible)
  • ไม่ก่อให้เกิดการแพ้
  • แข็งแรง ทนทาน
  • สามารถยึดติดกับกระดูกได้อย่างแน่นหนา
วัสดุที่ใช้ใน รากฟันเทียม
วัสดุที่ใช้ใน รากฟันเทียม

หากไม่ทำ รากฟันเทียม จะส่งผลกระทบอย่างไร ?

หลายคนมองข้ามปัญหาการสูญเสียฟัน โดยคิดว่าเป็นเรื่องปกติของวัย แต่ความจริงแล้ว การไม่ทดแทนฟันที่สูญหายจะสร้างปัญหาร้ายแรงตามมา

ผลกระทบระยะสั้น (0-6 เดือน):

  • ปัญหาการเคี้ยว – ประสิทธิภาพลดลง 40-60%
  • ปัญหาการพูด – เสียงไม่ชัด เป่าลมรั่ว
  • ปัญหาความมั่นใจ – กลัวยิ้ม ไม่กล้าพูดคุย
  • ฟันข้างเคียงเริ่มเอียง – เสียการสนับสนุน

ผลกระทบระยะยาว (1-5 ปี):

  • การละลายของกระดูก – กระดูกขากรรไกรยุบตัว 25% ในปีแรก
  • การเปลี่ยนแปลงใบหน้า – แก้มยุบ ปากบิด ดูแก่กว่าวัย
  • ปัญหาการย่อยอาหาร – เคี้ยวไม่ดี ส่งผลต่อกระเพาะอาหาร
  • ปัญหาข้อต่อขากรรไกร – เนื่องจากการกัดไม่สมดุล

นี่คือเหตุผลที่ทันตแพทย์แนะนำให้รีบทดแทนฟันที่สูญหายโดยเร็วที่สุด! หากคุณมีความเสี่ยงข้างต้น อย่ารอช้าที่จะเข้ามาพบทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ เพื่อรับคำปรึกษาและวางแผนเบื้องต้น ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย

การทำ รากฟันเทียม แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?

ปัญหาที่แก้ได้ 100%:

  • คืนการเคี้ยว – ประสิทธิภาพใกล้เคียงฟันจริง 95%
  • แก้ปัญหาการพูด – เสียงชัดขึ้น ไม่รั่ว
  • คืนความมั่นใจ – ยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ป้องกันกระดูกละลาย – รักษาโครงสร้างใบหน้า

ประโยชน์เพิ่มเติม:

  • ไม่กระทบฟันข้างเคียง
  • ไม่ต้องถอดออกเหมือนฟันปลอม
  • ทำความสะอาดง่าย
  • ใช้งานได้ตลอดชีวิต
การทำ รากฟันเทียม แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
การทำ รากฟันเทียม แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

ทำไม รากฟันเทียม ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ?

ข้อดีของรากฟันเทียมที่โดดเด่น

1. ความคงทนยาวนาน รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิต

2. ประสิทธิภาพการเคี้ยวเทียบเท่าฟันจริง สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ทุกชนิดด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญในการรับประทานอาหาร

3. ความสวยงามเป็นธรรมชาติ ออกแบบให้มีรูปร่าง สี และความโปร่งแสงเหมือนฟันธรรมชาติ ทำให้มั่นใจในการยิ้มและพูดคุยในที่สาธารณะ

4. ไม่กระทบต่อฟันข้างเคียง ไม่จำเป็นต้องเจียระไนฟันข้างเคียงเหมือนการทำสะพานฟัน ช่วยรักษาฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่

5. ป้องกันการละลายของกระดูก รากฟันเทียมช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกร ป้องกันการยุบตัวของกระดูกที่รองรับฟัน ทำให้โครงหน้าคงรูปไม่เปลี่ยนแปลง

ทำไม รากฟันเทียม ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ทำไม รากฟันเทียม ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ?

ระหว่าง รากฟันเทียม สะพานฟัน ฟันปลอมถอดได้ และ รักษารากฟัน แบบไหนดีกว่า ?

การเปรียบเทียบแบบละเอียด:

หัวข้อรากฟันเทียมสะพานฟันฟันปลอมถอดได้รักษารากฟัน
ความคงทน20+ ปี10-15 ปี5-7 ปี10-15 ปี
ความเป็นธรรมชาติ★★★★★★★★★☆★★☆☆☆★★★★★
การเคี้ยว95%80%50%100%
กระทบฟันข้างเคียงไม่กระทบต้องเจียระไนไม่กระทบไม่กระทบ
ความสะดวกไม่ต้องถอดไม่ต้องถอดต้องถอดไม่ต้องถอด
ราคาสูงสุดปานกลางต่ำสุดปานกลาง

คำแนะนำการเลือก:

  • รากฟันเทียม: เหมาะกับผู้ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด
  • สะพานฟัน: เหมาะกับผู้ที่ฟันข้างเคียงมีปัญหาอยู่แล้ว
  • ฟันปลอมถอดได้: เหมาะกับผู้สูงอายุหรือมีข้อจำกัดทางการเงิน
  • รักษารากฟัน: เหมาะกับฟันธรรมชาติที่ยังไม่เสียหายมาก

ข้อควรรู้: การรักษารากฟัน หรือ Root Canal Treatment คือกระบวนการทางทันตกรรมเพื่อช่วยรักษาฟันที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบในโพรงประสาทฟัน โดยไม่จำเป็นต้องถอนฟันออก เป็นการรักษาเพื่อช่วยให้คุณยังคงใช้ฟันธรรมชาติของตัวเองได้ต่อไป หากอยากรู้ว่าต้องรักษารากฟันหรือไม่? คลิก >> “รักษารากฟัน

ระหว่าง รากฟันเทียม สะพานฟัน ฟันปลอมถอดได้ และ รักษารากฟัน แบบไหนดีกว่า
ระหว่าง รากฟันเทียม สะพานฟัน ฟันปลอมถอดได้ และ รักษารากฟัน แบบไหนดีกว่า?

ใครบ้างที่ควรทำรากฟันเทียม ?

กลุ่มที่เหมาะสมที่สุด:

  • ผู้ที่สูญเสียฟัน 1-2 ซี่ และต้องการทดแทนอย่างถาวร
  • มีสุขภาพช่องปากดี ไม่มีโรคเหงือกรุนแรง
  • มีกระดูกขากรรไกรเพียงพอ รองรับรากเทียม
  • อายุ 18 ปีขึ้นไป (กระดูกเจริญเติบโตเสร็จแล้ว)
  • ไม่สูบบุหรี่ หรือสามารถเลิกได้
  • มีสุขภาพโดยรวมดี ไม่มีโรคประจำตัวที่รุนแรง

กลุ่มที่ได้ประโยชน์สูง:

  • ผู้ที่ใช้ฟันปลอมถอดได้แล้วไม่พอใจ
  • ผู้ที่ไม่ต้องการเจียระไนฟันข้างเคียง
  • ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการพูดและยิ้ม
  • ผู้ที่ทำงานต้องพบปะผู้คน

การทำรากฟันเทียมไม่เหมาะกับใคร?

กลุ่มที่ไม่แนะนำ:

  • เด็กและวัยรุ่นต่ำกว่า 18 ปี – กระดูกยังเจริญเติบโตไม่เสร็จ
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจรุนแรง – เสี่ยงต่อการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมไม่ได้ – แผลหายช้า
  • ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยรังสีบริเวณศีรษะคอ
  • ผู้ที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือดขนาดสูง

กลุ่มที่ต้องระวัง:

  • ผู้ที่สูบบุหรี่หนัก (เสี่ยงล้มเหลว)
  • ผู้ที่กัดฟันแรงหรือกรอฟัน
  • ผู้ที่มีโรคกระดูกพรุน
  • ผู้ที่ไม่สามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้ดี

เข้ามารับการตรวจและปรึกษาฟรี!
กับทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ เพื่อคัดกรองอาการเบื้องต้น และวางแผนรักษาอย่างครอบคลุม

ถ้าไม่ปวดฟัน ต้องรักษารากฟันไหม
เข้ามารับการตรวจและปรึกษาฟรี!

รากฟันเทียม มีทั้งหมดกี่แบบ

แบ่งตามรูปแบบการติดตั้ง:

1. รากฟันเทียมแบบ 2 ขั้นตอน (Two-Stage)

  • ขั้นตอนที่ 1: ฝังรากเทียม รอ 3-6 เดือน
  • ขั้นตอนที่ 2: ติดหัวต่อและครอบฟัน
  • เหมาะกับกรณีทั่วไป

2. รากฟันเทียมแบบขั้นตอนเดียว (One-Stage)

  • ฝังรากเทียมและติดหัวต่อพร้อมกัน
  • รอ 3-6 เดือนก่อนใส่ครอบฟันถาวร
  • เหมาะกับกรณีที่กระดูกแข็งแรง

3. รากฟันเทียมแบบใส่ทันที (Immediate Loading)

  • ฝังรากเทียมและใส่ครอบฟันในวันเดียว
  • ต้องมีเงื่อนไขพิเศษ
  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
รากฟันเทียม มีทั้งหมดกี่แบบ
รากฟันเทียม มีทั้งหมดกี่แบบ

รากฟันเทียม ชนิดต่างๆ

แบ่งตามวัสดุ:

1. รากฟันเทียมไทเทเนียมบริสุทธิ์

  • ความแข็งแรงสูง
  • เข้ากันได้ดีกับร่างกาย
  • ราคาปานกลาง
  • เหมาะกับกรณีทั่วไป

2. รากฟันเทียมไทเทเนียมผสม

  • แข็งแรงมากกว่าไทเทเนียมบริสุทธิ์
  • ราคาสูงกว่าเล็กน้อย
  • เหมาะกับผู้ที่เคี้ยวแรง

3. รากฟันเทียมเซอร์โคเนีย

  • สีขาวเหมือนฟันธรรมชาติ
  • เหมาะกับฟันหน้า
  • ราคาแพงที่สุด
  • ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน
รากฟันเทียม ชนิดต่างๆ
รากฟันเทียม ชนิดต่างๆ

แบ่งตามยี่ห้อ:

ยี่ห้อระดับพรีเมียม:

  • Nobel Biocare (สวีเดน)
  • Straumann (สวิตเซอร์แลนด์)
  • Astra Tech (สวีเดน)

ยี่ห้อระดับกลาง:

  • Zimmer Biomet (สหรัฐอเมริกา)
  • BioHorizons (สหรัฐอเมริกา))
  • Osstem (เกาหลีใต้)
ยี่ห้อรากเทียมต่างๆ
ยี่ห้อรากเทียมต่างๆ

การเตรียมตัวก่อนทำ รากฟันเทียม

การเตรียมทางกาย:

  • ตรวจสุขภาพทั่วไป – CBC, การแข็งตัวของเลือด
  • ควบคุมโรคประจำตัว – เบาหวาน ความดันโลหิต
  • เลิกสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อน
  • งดแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์ก่อน

การเตรียมทางจิตใจ:

  • ศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ
  • เตรียมใจสำหรับการฟื้นตัว
  • จัดเวลาพักหลังทำ
  • เตรียมอาหารอ่อนสำหรับหลังทำ

การเตรียมด้านการเงิน:

  • สอบถามค่าใช้จ่ายทั้งหมด
  • เตรียมเงินสำหรับค่ายาและการติดตาม
  • สอบถามการผ่อนชำระ

ขั้นตอนการทำ รากฟันเทียม

ขั้นตอนที่ 1: การตรวจและวางแผน (1-2 สัปดาห์)

  • ตรวจสุขภาพช่องปากโดยละเอียด
  • ถ่าย X-ray หรือ CT Scan
  • วัดและทำแบบฟัน
  • วางแผนการรักษา
  • อธิบายขั้นตอนและค่าใช้จ่าย

ขั้นตอนที่ 2: การเตรียมบริเวณ (1 สัปดาห์)

  • รักษาโรคเหงือกถ้ามี
  • ถอนฟันที่เสียหายถ้าจำเป็น
  • ทำความสะอาดช่องปาก
  • ให้คำแนะนำการเตรียมตัว

ขั้นตอนที่ 3: การฝังรากเทียม (2-3 ชั่วโมง)

  • ฉีดยาชาเฉพาะที่
  • ผ่าเหงือกเพื่อเปิดกระดูก
  • เจาะรูในกระดูกด้วยเครื่องมือพิเศษ
  • ฝังรากเทียมลงในกระดูก
  • เย็บแผลและให้คำแนะนำหลังทำ

ขั้นตอนที่ 4: ระยะการรอ (3-6 เดือน)

  • รอให้รากเทียมยึดติดกับกระดูก
  • นัดตรวจติดตามทุก 2-4 สัปดาห์
  • ใส่ฟันปลอมชั่วคราวถ้าจำเป็น
  • ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดี

ขั้นตอนที่ 5: การติดหัวต่อ (1 ชั่วโมง)

  • เปิดเหงือกเพื่อให้เห็นรากเทียม
  • ติดหัวต่อ (Abutment)
  • รอให้เหงือกหายบวม 1-2 สัปดาห์

ขั้นตอนที่ 6: การใส่ครอบฟันถาวร (2-3 สัปดาห์)

  • วัดและทำครอบฟันในห้องแล็บ
  • ทดลองใส่และปรับแต่ง
  • ใส่ครอบฟันถาวร
  • ตรวจสอบการกัดและความพอใจ

การปลูกกระดูกในการทำรากฟันเทียมคืออะไร ?

ความหมายของการปลูกกระดูก:

การปลูกกระดูก หรือ Bone Grafting คือการเติมกระดูกเทียมหรือกระดูกจากส่วนอื่นของร่างกาย เพื่อเพิ่มปริมาณและความหนาของกระดูกขากรรไกรให้เพียงพอสำหรับการฝังรากฟันเทียม

สาเหตุที่ต้องปลูกกระดูก:

  • กระดูกบาง – ไม่เพียงพอรองรับรากเทียม
  • กระดูกสูงไม่พอ – ความสูงไม่เพียงพอ
  • กระดูกเสื่อม – จากการสูญเสียฟันมานาน
  • การแตกหักของกระดูก – จากอุบัติเหตุ

ชนิดของกระดูกที่ใช้:

1. กระดูกจากตัวผู้ป่วยเอง (Autograft)

  • ได้จากบริเวณคาง หรือสะโพก
  • ประสิทธิภาพดีที่สุด
  • ต้องผ่าตัด 2 จุด

2. กระดูกจากคนอื่น (Allograft)

  • ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว
  • ปลอดภัย สะดวก
  • ราคาปานกลาง

3. กระดูกจากสัตว์ (Xenograft)

  • มาจากววัวหรือหมู
  • ปลอดภัย ราคาถูก
  • ใช้เป็นโครงสร้างให้กระดูกเติบโต

4. กระดูกเทียม (Alloplast)

  • ทำจากแคลเซียมฟอสเฟต
  • ปลอดภัยที่สุด
  • ประสิทธิภาพดี

ระยะเวลาฟื้นตัว:

  • การปลูกกระดูกเล็กน้อย: 3-4 เดือน
  • การปลูกกระดูกมาก: 6-9 เดือน
  • สามารถทำพร้อมกับฝังรากเทียมได้ในบางกรณี

วิธีการปฏิบัติตัวหลังได้ทำ รากฟันเทียม

24 ชั่วโมงแรก:

  • ไม่บ้วนปาก – อาจทำให้ลิ่มเลือดหลุด
  • กัดสำลี 30-45 นาที เพื่อห้ามเลือด
  • ประคบเย็น 15 นาที เว้น 15 นาที
  • ไม่กินของร้อน อาหารเย็นและอ่อน
  • นอนหัวสูง เพื่อลดการบวม

สัปดาห์แรก:

  • กินยาตามแพทย์สั่ง – ยาปฏิชีวนะและแก้ปวด
  • แปรงฟันระวัง – หลีกเลี่ยงบริเวณแผล
  • บ้วนปากน้ำเกลือ – วันที่ 2 เป็นต้นไป
  • กินอาหารอ่อน – โจ๊ก ไข่ตุ๋น นม โยเกิร์ต
  • หลีกเลี่ยงการออกแรง – ไม่ยกของหนัก

2-8 สัปดาห์:

  • กลับมาแปรงฟันปกติ – ระวังบริเวณรากเทียม
  • กินอาหารปกติ – เริ่มจากอาหารอ่อนไปแข็ง
  • ตรวจติดตาม – ตามนัดแพทย์
  • หลีกเลี่ยงการกัดแรง – ยังไม่ใส่ครอบฟัน

3-6 เดือน (ระยะรอ):

  • รักษาสุขภาพช่องปาก – แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน
  • ตรวจติดตามสม่ำเสมอ – ทุก 4-6 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือน
  • ไม่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

หลังใส่ครอบฟันแล้ว:

  • ดูแลเหมือนฟันจริง – แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง
  • ใช้ไหมขัดฟัน – ทำความสะอาดซอกฟัน
  • หลีกเลี่ยงของแข็งมาก – น้ำแข็ง กระดูก เปลือกแข็ง
  • ตรวจฟันสม่ำเสมอ – ทุก 6 เดือน

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • สูบบุหรี่ (เสี่ยงต่อการล้มเหลว 2 เท่า)
  • ดื่มแอลกอฮอล์มาก
  • กัดเล็บ กัดปากกา
  • ใช้ฟันเป็นเครื่องมือ
  • กินยาแอสไพรินโดยไม่จำเป็น

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรากฟันเทียม

ปัญหาระยะสั้น (1-3 เดือนแรก):

1. การติดเชื้อ (Infection)

  • อาการ: บวม แดง มีหนอง
  • สาเหตุ: ดูแลไม่สะอาด กินยาไม่ครบ
  • การรักษา: ล้างแผล ให้ยาปฏิชีวนะ
  • การป้องกัน: ดูแลสุขภาพช่องปากดี

2. การบวมมากกว่าปกติ

  • อาการ: บวมเกิน 1 สัปดาห์
  • สาเหตุ: ร่างกายแพ้การอักเสบ
  • การรักษา: ให้ยาแก้อักเสบ
  • การป้องกัน: ประคบเย็นในวันแรก

3. การเสียหายของเส้นประสาท

  • อาการ: ชาปาก ชาริมฝีปาก
  • สาเหตุ: รากเทียมใกล้เส้นประสาทมาก
  • การรักษา: รอเวลา ทำกายภาพบำบัด
  • การป้องกัน: วางแผนรักษาดี

ปัญหาระยะกลาง (3-12 เดือน):

4. รากเทียมไม่ยึดติดกับกระดูก

  • อาการ: รากเทียมหลวม
  • สาเหตุ: สูบบุหรี่ เบาหวาน การติดเชื้อ
  • การรักษา: ถอดรากเทียมออก รอ 3 เดือนแล้วทำใหม่
  • อัตราเกิด: 2-5% ของกรณีทั้งหมด

5. การอักเสบรอบรากเทียม

  • อาการ: เหงือกบวม เจ็บ มีเลือดออก
  • สาเหตุ: ดูแลไม่สะอาด สะสมหินปูน
  • การรักษา: ขูดหินปูน ล้างทำความสะอาด
  • การป้องกัน: ดูแลสุขภาพช่องปากดี

ปัญหาระยะยาว (1 ปีขึ้นไป):

6. ครอบฟันแตกหรือหลุด

  • อาการ: ครอบฟันมีรอยแตกหรือหลุดออก
  • สาเหตุ: กัดแรงเกินไป การกระทบกระเทือน
  • การรักษา: เปลี่ยนครอบฟันใหม่
  • การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการกัดของแข็ง

7. การสูญเสียกระดูกรอบรากเทียม

  • อาการ: รากเทียมหลวม เหงือกถอย
  • สาเหตุ: โรคเหงือก การดูแลไม่ดี
  • การรักษา: รักษาโรคเหงือก อาจต้องผ่าตัด
  • การป้องกัน: ตรวจฟันสม่ำเสมอ
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรากฟันเทียม
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรากฟันเทียม

ราคา รากฟันเทียม คุ้มค่าหรือไม่ ?

ราคารากฟันเทียมในประเทศไทย:

ระดับทั่วไป: 40,000-70,000 บาท/ซี่

  • ยี่ห้อเกาหลี หรือจีน
  • เหมาะกับงบประมาณจำกัด

ระดับกลาง: 70,000-120,000 บาท/ซี่

  • ยี่ห้อยุโรป เช่น Osstem, Megagen
  • คุณภาพดี ราคาเหมาะสม

ระดับพรีเมียม: 120,000-200,000 บาท/ซี่

  • ยี่ห้อยุโรป เช่น Nobel, Straumann
  • คุณภาพสูงสุด การันตียาวนาน

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม:

  • การปลูกกระดูก: 15,000-50,000 บาท
  • ฟันปลอมชั่วคราว: 5,000-15,000 บาท
  • ยาและการติดตาม: 3,000-10,000 บาท

คำแนะนำจากทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์: แม้ว่า ราคา รากฟันเทียม จะสูงกว่าวิธีทดแทนฟันแบบอื่น แต่เมื่อพิจารณาถึง:

  • อายุการใช้งานที่ยาวนาน (20+ ปี)
  • ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
  • ไม่กระทบต่อฟันข้างเคียง
  • ช่วยรักษาโครงสร้างใบหน้า

จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

ราคา รากฟันเทียม คุ้มค่าหรือไม่
ราคา รากฟันเทียม คุ้มค่าหรือไม่ ?

การดูแล รากฟันเทียม

การดูแลรายวัน:

  • แปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
  • ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน
  • บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการกัดแกะของแข็งเกินไป

การตรวจติดตาม:

  • ตรวจฟันทุก 6 เดือน
  • ขูดหินปูนและทำความสะอาดเป็นระยะ
  • เฝ้าระวังอาการผิดปกติ

ที่เฮย์สไมล์ เรามีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษา ฟรี! สำหรับทุกเคส

การดูแล รากฟันเทียม
การดูแล รากฟันเทียม

คำถามที่พบบ่อย

ฝังรากฟันเทียม ใช้เวลาในการฝังนานไหม?

ระยะเวลาในการฝังรากฟันเทียม ขึ้นอยู่กับจำนวนซี่ที่ฝัง ปกติฝังรากฟันเทียม 1 ซี่ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็เสร็จแล้ว แต่ถ้าหากมีจำนวนซี่ที่ต้องฝังเยอะก็อาจจะต้องใช้เวลา หรือกรณีที่ต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วยก็ต้องเวลานานขึ้น เพื่อให้แผนการรักษาออกมาดีที่สุด

ฝังรากฟันเทียม ต้องพักฟื้นไหม?

การฝังรากฟันเทียมเป็นการผ่าตัดเล็กๆ ใช้การฉีดยาชา และจากการสัมภาษณ์คนไข้รากฟันเทียมหลายๆ เคสที่ผ่านมามักจะบอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับการถอนฟัน หรือบางคนรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการถอนฟันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงไม่กระทบต่อการใช้ชีวิต ไม่ต้องมีการพักฟื้น หลังจากฝังรากฟันเทียมแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย

ทำรากฟันเทียม ต้องปลูกกระดูกก่อนไหม?

ต้องขึ้นอยู่กับความหนาของกระดูกคนไข้ ส่วนใหญ่เคสที่จำเป็นต้องปลูกกระดูกคือ คนไข้ที่สูญเสียฟันปล่อยให้ฟันหลอเป็นเวลานานทำให้กระดูกฟันฝ่อลงเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องปลูกกระดูกก่อนฝังรากเทียม หากจะพูดให้เห็นภาพ คือเปรียบเสมือนเรากำลังจะฝังเสาสักต้นลงไปในดิน หากดินมีไม่เพียงพอเสาก็อาจจะล้มได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเติมดินนั่นเอง

ทำรากฟันเทียม เจ็บไหม?

ต้องบอกก่อนว่าความเจ็บปวดของการทำรากฟันเทียมใกล้เคียงกันการถอนฟัน หรืออาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ตัวคนไข้ จากประสบการณ์ฝังรากฟันเทียมให้คนไข้มาหลายๆ เคส และจากการสัมภาษณ์คนไข้หลังทำ ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ็บน้อยกว่าถอนฟัน และผ่าฟันคุดอีก

หากต้องมีการฝังรากฟันเทียมหลายซี่ ก็เปรียบเหมือนการถอนฟันหลายซี่เช่นกัน แน่นอนว่าอาจจะมีอาการบวมหลังทำเกิดขึ้นได้

เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการปลูกกระดูก ก็อาจจะมีอาการการบวมเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่หลังการทำผลลัพธ์มักจะดีคุ้มค่า การใช้ชีวิตหลังฝังรากฟันเทียมดีขึ้น

ใส่รากฟันเทียม เคี้ยวได้เหมือนฟันจริงๆไหม?

การบดเคี้ยวของรากฟันเทียม ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติเลย เนื่องจากได้ทำการฝังรากฟันเทียมลงไปที่กระดูก ทำให้แรงบดเคี้ยวลงไปที่กระดูกโดยตรง จึงทำให้มีประสิทธิภาพ และให้ความรู้สึกเวลาเคี้ยวอาหารใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมาก

รากฟันเทียม ดูแลรักษายากไหม?

ไม่ยากเลย การดูแลรักษารากเทียมเหมือนกับการดูแลฟันธรรมชาติ เนื่องจากสามารถแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้เหมือนฟันธรรมชาติเลย

รากฟันเทียม มีอายุการใช้งานนานไหม?

ตัวรากฟันเทียม มีความทนทานมาก ซึ่งถ้าหากคนไข้ดูแลทำความสะอาดอย่างดี ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ แปรงฟันสะอาด รวมไปถึงหมั่นไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ทำการตรวจเช็คบำรุงรักษาอยู่ตลอด ก็จะทำให้รากฟันเทียมนั้นสามารถอยู่กับคนไข้ไปได้อย่างยาวนาน หรือตลอดไปเลย

ฝีมือ และคุณภาพ การทำรากฟันเทียมของหมอแต่ละคน จะมีมาตรฐานเดียวกันไหม?

คุณภาพรากฟันเทียมเหมือนกัน คุณหมอประจำที่คลินิก เป็นคุณหมอเฉพาะทางด้านรากฟันเทียมโดยตรง คนไข้คลายกังวลได้เลย

เป็นโรคเบาหวาน ทำรากฟันเทียมได้ไหม?

สามารถทำได้ปกติ แต่แนะนำว่าควรมีการปรึกษาระหว่าง คุณหมอประจำตัวที่ดูแลในส่วนของโรคเบาหวาน และ คุณหมอฟันที่ทำรากฟันเทียม ควบคู่กันไปด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง

ทำรากฟันเทียม ให้เสร็จภายในวันเดียวได้ไหม?

การฝังรากฟันเทียมแบบวันเดียวเสร็จ จริงๆ ทำได้ทุกคน แต่ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้น และที่สำคัญต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวคนไข้เองด้วย เพราะการฝังรากฟันเทียมต้องมีความพร้อมในเรื่องของ “กระดูก” เป็นหลัก และยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเช่น การดูแลความสะอาดของคนไข้ การบดเคี้ยวของคนไข้ใช้แรงเยอะไหม ปัจจัยเหล่านี้คุณหมอจะเป็นคนพิจารณาว่าคนไข้เหมาะที่จะทำรึเปล่า

สิ่งสำคัญที่คนไข้ต้องการคือ การรักษาครั้งเดียว ทำเสร็จแล้วรากเทียมอยู่กับคนไข้ไปยาวๆ นั้นคือการวางแผนที่ดี การทำเร็วเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่หมอตระหนักให้กับคนไข้ก็คือ การที่ทำรากเทียมเสร็จแล้วคนไข้ใช้งานได้จริง ใช้ได้อย่างคุ้มค่ายาวนาน และได้รับการรักษาที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ

หลังทำรากฟันเทียม ไปกินอะไรได้บ้าง?

สามารถทานอาหารได้ปกติเลย แต่แนะนำว่าช่วงแรกๆ ควรทานอาหารอ่อนๆ ก่อน เช่น โจ๊ก หรือ ข้าวต้ม งดทานของร้อนจัด หรือเผ็ดจัด หากทานของเย็นๆ ได้ยิ่งดี

หลังทำรากฟันเทียม จะมีอาการบวมมากไหม?

อาการบวม จะมีบ้างเล็กน้อยไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ บางคนมีอาการบวมนิดหน่อย 1-2 วันก็หายเป็นปกติแล้ว

แต่สำหรับคนไข้ที่ปลูกกระดูกร่วมด้วย อาจจะมีอาการบวมมากว่าประมาณ 2 อาทิตย์ แต่บางคนแผลหายเร็วอาการบวมก็จะหายเร็วกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวคนไข้แต่ละคน เนื่องจากร่างกายของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรากฟันเทียม เพิ่มเติมที่นี่

สรุป

รากฟันเทียม คืออะไร ? คือ คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการทดแทนฟันที่สูญหายด้วยวิธีที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งในด้านความสวยงาม การใช้งาน และความคงทน

  • รากฟันเทียมใช้งานได้ตลอดชีวิตหากดูแลดี
  • ประสิทธิภาพการเคี้ยวใกล้เคียงฟันจริง 95%
  • ไม่กระทบต่อฟันข้างเคียง
  • ป้องกันการละลายของกระดูกขากรรไกร
  • ช่วยรักษาโครงสร้างใบหน้าให้คงรูป

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการปรึกษาแพทย์ได้ กรุณาปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจรักษา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือการนัดหมาย: เข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางที่เฮย์สไมล์ ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมวางแผนรักษาอย่างครอบคลุม เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สวย เป็นธรรมชาติที่สุด

คลินิกทันตกรรม HeySmile (อโศก)

สอบถาม/จองคิวนัดหมายที่

วิธีเดินทาง
รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT : สถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 1 เดินตรง 4 นาที คลินิกอยู่ด้านซ้ายมือ

รถไฟฟ้า BTS : สถานีอโศก ทางออกที่ 3 เดินไปทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท คลินิกติดถนนใหญ่อยู่ใกล้ตึกเสริมมิตร

พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องฟัน

HeySmile ยินดีให้คำปรึกษาทางทันตกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดฟัน อุดฟัน ทำฟัน รักษารากฟัน หรือทันตกรรมอื่นๆ เราพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ


คลินิกทำฟัน ปรึกษาฟรี Heysmile
บทความที่เกี่ยวข้อง